World Today: สรุปข่าวต่างประเทศวันนี้

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องร่วมกันว่าจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงกลางเดือนพ.ย. หรือกลางเดือนธ.ค.ปีนี้


-- นายฟูมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงบ่ายวันนี้เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลังจากที่เพิ่งจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

การเลือกตั้งจะจัดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. หลังจากวาระ 4 ปีของสมาชิกผู้แทนราษฎรจะสิ้นสุดในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ขณะที่พรรคต่าง ๆ นำเสนอนโยบายรับมือกับโรคโควิด-19 และนโยบายเศรษฐกิจ


-- ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในวันนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงิน โดย MAS ระบุว่า การใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินมีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเสถียรภาพราคาในระยะกลาง

คณะกรรมการ MAS ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินผ่านทางการกำหนดกรอบอัตราแลกเปลี่ยนแทนการปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสิงคโปร์ภายในกรอบเป้าหมายที่ MAS กำหนดไว้


-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอลงจากเดือนส.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 0.8% นอกจากนี้ ดัชนี CPI เดือนก.ย.ยังขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9%


-- ศูนย์การเงินทางเลือกเคมบริดจ์ของอังกฤษเปิดเผยว่า สหรัฐได้กลายเป็นแหล่งขุดบิตคอยน์รายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกแทนจีนแล้ว หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกวาดล้าง ซึ่งส่งผลให้ผู้ให้บริการขุดเหรียญคริปโตต้องยกเลิกการทำธุรกิจ หรือย้ายไปยังต่างประเทศแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกาเหนือและเอเชียกลาง

ข้อมูลระบุว่า ส่วนแบ่งกำลังการประมวลผลในการขุดบิตคอยน์ของคอมพิวเตอร์ในจีนที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายบิตคอยน์ทั่วโลกนั้น ร่วงแตะระดับ 0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 44% ในเดือนพ.ค. และจากระดับสูงถึง 75% ในปี 2562


-- รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G20 ได้ให้การสนับสนุนข้อตกลงการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกที่ระดับ 15% รวมทั้งกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการตามความจำเป็นเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ท่ามกลางภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน อันเนื่องมาจากแพร่ระบาดของโควิด-19


-- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบเดือนก.ย.ของจีนลดลง 15.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ได้นำน้ำมันในสต็อกออกมาใช้ในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งการที่รัฐบาลใช้มาตรการควบคุมโควต้าการนำเข้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการสั่งซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ


-- ปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐเรียกร้องให้ภาคเอกชนช่วยบรรเทาปัญหาคอขวดด้านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งส่อแววส่งผลกระทบต่อช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐ และกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะยกเครื่องระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วประเทศ

ปธน.ไบเดนระบุว่า ท่าเรือลอสแองเจลิสและท่าเรือลองบีชซึ่งเป็น 2 ท่าเรือที่คึกคักที่สุดในประเทศ จะร่วมกันเพิ่มการดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อขนตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 500,000 ตู้บนเรือบรรทุกสินค้าที่อยู่ออกนอกชายฝั่ง


-- พลตรีซอว์ มิน ทุน โฆษกกองทัพเมียนมาเปิดเผยว่า กองทัพเมียนมาจะไม่ขัดขวางผู้แทนพิเศษทางการทูตของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในการเดินทางเยือนเมียนมา แต่จะไม่อนุญาตให้เข้าพบกับนางอองซาน ซูจี อดีตผู้นำที่ถูกคุมขัง เนื่องจากนางซูจีถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรม


-- อินเดียเริ่มส่งออกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อีกครั้งในปริมาณเล็กน้อย และจะเพิ่มปริมาณการส่งออกอีกมากใน 2-3 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ปริมาณวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้น และประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศได้รับวัคซีนแล้ว


-- บริษัทฟาสต์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสินค้าแบรนด์ "ยูนิโคล่" และ "GU" เปิดเผยในวันนี้ว่า กำไรสุทธิของบริษัท พุ่งแตะ 1.6985 แสนล้านเยน (1.50 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงเดือนส.ค. 2563 ถึง ส.ค. 2564 และคาดการณ์ว่า กำไรจะปรับตัวขึ้นอีกในปีงบการเงินปัจจุบัน จากอานิสงส์ยอดขายสินค้าแบรนด์ยูนิโคล่ที่แข็งแกร่ง หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงในหลายประเทศทั่วโลก


-- นายอาซาชิ โนกูชิ หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า อุปสงค์ภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น แต่ BOJ ไม่มีแผนที่จะลดการใช้มาตรการกระตุ้นด้านการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อในเวลานี้


-- บริษัทนิปปอน สตีล คอร์ป ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า นิปปอน สตีลได้ยื่นฟ้องบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และบริษัทเป่าซาน ไอรอน แอนด์ สตีล โค ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กของจีน โดยกล่าวหาว่าสองบริษัทดังกล่าวกระทำการละเมิดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 2 หมื่นล้านเยน (176 ล้านดอลลาร์) จากแต่ละบริษัท