ราคาทองฟิวเจอร์ดีดรับตัวเลข CPI ,มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นในเดือนธ.ค. รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

ณ เวลา 00.11 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ดีดตัวขึ้น 12.90 ดอลลาร์ หรือ 0.70% สู่ระดับ 1,857.10 ดอลลาร์/ออนซ์

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ย.

การปรับตัวขึ้นของดัชนี CPI ในเดือนธ.ค.ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.3% เมื่อเทียบรายปี

ทางด้านนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

คาดว่านายไบเดนจะขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว หลังจากที่เขาเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. ขณะที่พรรคเดโมแครตสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากที่ถูกขัดขวางก่อนหน้านี้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจัดการประชุมในวันนี้เพื่อลงมติต่อญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิพร้อมอาวุธครบมือได้ตรึงกำลังทั้งด้านในและด้านนอกอาคารรัฐสภาในวันนี้ เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 3 รายได้ยื่นญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยญัตติดังกล่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวเท็จเกี่ยวกับการที่เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเพราะมีการโกงเลือกตั้ง และได้ปลุกระดมมวลชนให้บุกเข้าไปยังสภาคองเกรสเพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะของนายไบเดน

"การกระทำของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย และแทรกแซงการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ รวมทั้งทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ตราบใดที่เขายังอยู่ในตำแหน่งต่อไป ก็จะเป็นภัยต่อความมั่นคง ประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ" ข้อความในญัตติระบุ

คาดว่าญัตติดังกล่าวจะผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนฯ แต่ก็อาจถูกคว่ำในวุฒิสภา เนื่องจากขาดเสียงสนับสนุนจำนวน 2 ใน 3 สำหรับการผ่านญัตติดังกล่าว

ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง เป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับสหรัฐ ขณะที่จะสร้างความไม่พอใจต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก

คำกล่าวของปธน.ทรัมป์สร้างความกังวลว่ากลุ่มผู้สนับสนุนเขาอาจก่อความรุนแรง ขณะที่นายไบเดนมีกำหนดเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค.