ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.88/90 แนวโน้มยังอ่อนค่า คาดสัปดาห์หน้ามีลุ้นแตะ 34 บาท

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.88/90 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง
เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.95 บาท/ดอลลาร์
          เงินบาทช่วงเย็นแข็งค่าจากเช้า คืนนี้ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย.ของสหรัฐ โดยช่วงนี้ยังไม่มี
ปัจจัยใหม่ นอกจากรอดูพัฒนาการของข้อมูลและความชัดเจนในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจากทั่วโลก
          "ช่วงนี้ ตลาดคงจับตาดูพัฒนาการเพิ่มเติมของไวรัสโอไมครอน นอกนั้นก็ยังไม่มีปัจจัยอะไรเป็นพิเศษมากนัก เพราะบ้านเราก็
หยุดต่อเนื่อง 3 วัน" นักบริหารเงินระบุ
          นักบริหารเงิน คาดสัปดาห์หน้าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.60 - 34.10 บาท/ดอลลาร์
            
          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยนอยู่ที่ระดับ เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.00 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ  ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1297 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,588.19 จุด ลดลง 3.65 จุด (-0.23%) มูลค่าการซื้อขาย 55,197 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 354.29 ลบ.(SET+MAI)
          - อัตราเงินเฟ้อ พ.ย.64 เพิ่มขึ้น 2.71% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน การปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากสาเหตุสำคัญ คือ 
เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว, การระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย, การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่าง
ชาติ ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น
          - พาณิชย์ คาดอัตราเงินเฟ้อปี 65 อยู่ในกรอบ 0.7-2.4% ทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น มีความเสี่ยงและมีโอกาส
ผันผวน รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยอาจจะได้รับแรงกดดันจากโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาสินค้า
เกษตร รวมถึงมาตรการของภาครัฐ ซึ่งจะกดดันให้เงินเฟ้อของไทยขยายตัวได้อย่างจำกัด 
          - ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ได้
เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย 4 เรื่องสำคัญ คือ 
1. การกำหนดประเภทการตรวจลงตรา (วีซ่า) สำหรับผู้พำนักระยะยาว (LTR) 2. มาตรการส่งเสริมการลงทุนในกิจการคลาวด์เซอร์วิ
ส 3. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยี-สตาร์ทอัพ 4. มาตรการส่งเสริมถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย
          - สาธารณสุข เผยข้อมูลผู้เดินทางเข้าไทย จาก 8 ประเทศที่พบสายพันธุ์โอไมครอนว่า เหลือที่ต้องติดตามอีก 167 คน ล่า
สุดติดตามได้แล้ว 44 คน คิดเป็น 26% เบื้องต้นผลการตรวจ RT-PCR ยังไม่พบเชื้อโควิด-19 และสายพันธุ์โอไมครอน โดยได้เร่งติดตาม
ผู้เดินทางจำนวนที่เหลือให้มารับการตรวจรักษาและคุมไว้สังเกตต่อไป
          - ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศมาตรการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในช่วงฤดูหนาว
ที่กำลังใกล้เข้ามา อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่มีการล็อกดาวน์ และจะไม่ขยายข้อกำหนดการฉีดวัคซีนให้เข้ม
งวดมากไปกว่ามาตรการที่บังคับใช้ในปัจจุบัน
          - วุฒิสภาสหรัฐ มีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (2 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้า
วันนี้ตามเวลาไทย เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 18 ก.พ. 2565 และหลีกเลี่ยงไม่ให้
หน่วยงานของรัฐต้องถูกปิดการดำเนินงาน หรือชัตดาวน์
          - องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นต้องคงนโยบายการคลังแบบขยายตัวไว้ 
จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และไม่กลับไปใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายพิเศษเร็วเกินไป
          - กระทรวงการคลัง และสำนักงานกิจการภาษีแห่งชาติจีน (SAT) เปิดเผยว่า นักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศ จะได้รับ
การยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มจากดอกเบี้ยที่ได้รับในการลงทุนตราสารหนี้ของจีน โดยการยกเว้นภาษีดัง
กล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.64 ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.68