สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 68)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.86 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าเล็ก น้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ 33.88 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวใน กรอบ 33.83 - 33.98 โดยมีปัจจัยสำคัญจากเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำใน ตลาดโลก "ระหว่างวันบาทผันผวนไปตามข่าวสงครามการค้าและราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งอยู่ในทิศทางแข็งค่าเช่นเดียวกับค่าเงินใน ภูมิภาค" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.80 - 34.00 บาท/ดอลลาร์ ตลาดยังจับตาดูการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินมีความผันผวนตลอดเวลา * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.25 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 155.30 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0344 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0316 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,301.02 จุด ลดลง 3.37 จุด, -0.26% มูลค่าซื้อขาย 41,739.61 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 637.43 ล้านบาท - นายกรัฐมนตรี จะนำคณะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยเตรียมผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การ ค้า และการลงทุน, ด้านความปลอดภัยและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือ Financial Hub เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน เพื่อเป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลกและเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ - รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-2 ก.พ. 68 มีจำนวน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมทั้งสิ้น 3,967,469 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 195,090 ล้าน บาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 710,687 คน มาเลเซีย 482,719 คน รัสเซีย 274,680 คน เกาหลีใต้ 221,993 คน และอินเดีย 195,422 คน - สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกของไทยช่วงไตรมาสแรก ของปี 2568 ว่า จะขยายตัวได้ 2-3% ที่มูลค่าราว 72,500 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ยเดือนละ 24,000-24,500 ล้านดอลลาร์ ส่วนทั้งปี คาดว่า จะขยาย ตัวได้ 1-3% หรือมีมูลค่า 3.05 แสนล้านดอลลาร์ - กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จีนได้ยื่นคำร้องต่อกลไกระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้าน การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% - นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% จะส่งผลให้การเติบ โตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนลดลง 0.50% ในปีนี้ - โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.5% ในปีนี้ ขณะที่การขยายตัวของเงินเฟ้อ ภายในประเทศยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในปี 2568 - กระทรวงการคลังจีนประกาศในวันนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ใน อัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.นี้ - โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน อย่าง เร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนทางการทูตครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขณะที่สองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของ โลกพยายามหาข้อตกลงที่อาจหลีกเลี่ยงสงครามการค้าในวงกว้าง