ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.86 ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค คาดกรอบพรุ่งนี้ 33.80-34.00

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.86 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าเล็ก
น้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ 33.88 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวใน
กรอบ 33.83 - 33.98 โดยมีปัจจัยสำคัญจากเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำใน
ตลาดโลก
          "ระหว่างวันบาทผันผวนไปตามข่าวสงครามการค้าและราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งอยู่ในทิศทางแข็งค่าเช่นเดียวกับค่าเงินใน
ภูมิภาค" นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.80 - 34.00 บาท/ดอลลาร์
          ตลาดยังจับตาดูการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินมีความผันผวนตลอดเวลา

           * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.25 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 155.30 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0344 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0316 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,301.02 จุด ลดลง 3.37 จุด, -0.26% มูลค่าซื้อขาย 41,739.61 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 637.43 ล้านบาท
          - นายกรัฐมนตรี จะนำคณะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยเตรียมผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การ
ค้า และการลงทุน, ด้านความปลอดภัยและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
          - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือ 
Financial Hub เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน เพื่อเป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลกและเพิ่มขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
          - รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-2 ก.พ. 68 มีจำนวน
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมทั้งสิ้น 3,967,469 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 195,090 ล้าน
บาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 710,687 คน มาเลเซีย 482,719 คน รัสเซีย 274,680 คน เกาหลีใต้ 
221,993 คน และอินเดีย 195,422 คน
          - สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกของไทยช่วงไตรมาสแรก ของปี 2568 ว่า
จะขยายตัวได้ 2-3% ที่มูลค่าราว 72,500 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ยเดือนละ 24,000-24,500 ล้านดอลลาร์ ส่วนทั้งปี คาดว่า จะขยาย
ตัวได้ 1-3% หรือมีมูลค่า 3.05 แสนล้านดอลลาร์
          - กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จีนได้ยื่นคำร้องต่อกลไกระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้าน
การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10%
          - นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% จะส่งผลให้การเติบ
โตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนลดลง 0.50% ในปีนี้
          - โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.5% ในปีนี้ ขณะที่การขยายตัวของเงินเฟ้อ
ภายในประเทศยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในปี 
2568
          - กระทรวงการคลังจีนประกาศในวันนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ใน
อัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.นี้
          - โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน อย่าง
เร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนทางการทูตครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขณะที่สองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของ
โลกพยายามหาข้อตกลงที่อาจหลีกเลี่ยงสงครามการค้าในวงกว้าง