ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.63/64 ลุ้นตัวเลข CPI สหรัฐคืนนี้กำหนดทิศทาง

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.63/64 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก
ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.64 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.57 - 32.68 บาท/ดอลลาร์ 
          วันนี้เงินบาทวิ่งในกรอบ ยังไร้ปัจจัยใหม่เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยตลาดรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้
บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า Core CPI จะอยู่ที่ 0.3% เพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วเล็กน้อย
          "ถ้าตัวเลข CPI สหรัฐฯ คืนนี้ออกมาดี ก็น่าจะมีแรงเหวี่ยงให้เงินบาทอ่อนค่าได้เล็กน้อย แต่ถ้าออกมาไม่ดี ก็มีโอกาสกดดัน
ให้เงินบาทแข็งค่าหลุด 32.50 บาท/ดอลลาร์ ได้" นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.50 - 32.80 บาท/ดอลลาร์
          
          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 145.04/07 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 144.96 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1436/1438 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1413 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,141.58 จุด เพิ่มขึ้น 2.42 จุด (+0.21%) มูลค่าซื้อขาย 26,216.13 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 251 ล้านบาท 
          - รมช.คลัง คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสามารถสรุปการ
จัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ยื่นเข้ามาขอใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท และนำเสนอต่อที่
ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพื่อพิจารณาได้ 
          - นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เงินบาทในปี 68 ยังคงผันผวนสูง เปลี่ยนแปลงถึง 7.4% 
ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ความผันผวนนี้มาจากทั้งปัจจัยต่างประเทศและในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูงต่อเนื่อง กรอบเงินบาท
ราว 31.50-32.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในสิ้นปีนี้
          - รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หลังการชะลอ
ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค. 68 ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะยังคงเติบโตได้ที่ 1.4% และเศรษฐกิจไทย
ในช่วงครึ่งหลังของปี 68 ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม หากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในหลายประเทศยัง
คงไว้ที่ระดับ 10% ตลอดทั้งปี คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ที่ 0.5% และเศรษฐกิจไทย จะมีแนวโน้มเติบโตได้ 1.8%
          - ศาลอุทธรณ์กลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคำสั่งล่าสุดว่า ภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เคย
ประกาศใช้ จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปในระหว่างที่การอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้นกำลังดำเนินอยู่
          - สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธาน ธนาคาร
กลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อจากเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระการทำหน้าที่ประธานเฟดในเดือนพ.ค. 69
          - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังพิจารณาแนวทางการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) โดยได้เริ่มโครงการ
นำร่องมาตั้งแต่ปี 2566 พร้อมทั้งมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนและรัฐบาล เพื่อออกแบบโครงสร้างและกลไกของระบบการเงินใหม่นี้
          - โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยว่า จีนเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศจีนมากขึ้น โดยมองว่า
การเปิดกว้างในเรื่องดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวทางของประเทศทั่วโลกและเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะในช่วงเวลา
ที่จีนกำลังเร่งเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตที่มีคุณภาพ