นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้เดินทางมาถึง 4 เสาหลักแล้ว มีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเห็นจากโครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน การลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ซึ่งข้อมูลมาถึงวันที่ 23 พ.ย.68 โดยเฉพาะ "โครงการคนละครึ่ง พลัส" มีร้านค้าเข้าร่วม แล้วทั้งสิ้น 968,692 ร้านค้า มีผู้ใช้สิทธิ์คนละครึ่งพลัสครบวงเงินแล้ว 1,650,214 คน มีเงินหมุนเวียนในระบบทั้งสิ้น 54,132 ล้านบาท และสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการ Kick Off โครงการ Upskill-Reskill จนถึงปัจจุบัน มีร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 57,784 ร้านค้า ถือว่าโครงการได้รับผลตอบรับอย่างดี
นายสิริพงศ์ เน้นย้ำ โครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 1.5 ที่มีการ Upskill Reskill ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลขผู้ลงทะเบียนเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังอยากเชิญชวนพ่อค้า แม่ค้า ที่อยู่ในโครงการคนละครึ่งพลัส เร่งเข้าร่วมโครงการนี้มากขึ้น เพราะระยะเวลาที่จะได้สิทธิประโยชน์ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.-19 ธ.ค.68 หากเข้าร่วมโครงการช้า โอกาสจะได้รับสิทธิประโยชน์น้อยลง ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนมาแล้ว 6 หมื่นคน เป็นการยืนยันว่า การ upskill reskill ไม่ใช่เรื่องยากเลย
สำหรับพ่อค้า แม่ค้า ที่มีการ upskill reskill จะได้เงิน 20% ของยอดขายในส่วนที่รัฐอุดหนุน ซึ่งสะสมไปเรื่อย ๆ สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท โดยเงินก้อนนี้ จะได้รับในวันที่ 25 ธ.ค.68
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่าเดินหน้าโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" เฟส 2 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณที่จะนำมาใช้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่า จะได้วงเงินคนละเท่าไร คาดว่าจะทันเสนอเข้า ครม.ก่อนวันที่ 12 ธ.ค.นี้
"กำลังดูเงินตัวไหนที่จะมาใช้กระตุ้นได้ เนื่องจากตอนนี้ มีเรื่องภัยพิบัติเข้ามาแทรกด้วย ต้องมีเงินกันไว้ช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติด้วย คือ ต้องไปพร้อม ๆ กัน" นายสิริพงศ์ กล่าว
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกันถึงโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" ที่มีร้านค้าเข้าร่วมมากกว่า 9 แสนร้านค้า และเห็นว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งนั้น มีข้อจำกัดจากที่ร้านค้ามีจำนวนน้อย คณะกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้นำร้านค้าที่เข้าโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" สามารถเชื่อมโยงกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ซึ่งร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส จะสามารถขายสินค้าให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ โดยทางรัฐบาลจะเป็นผู้จัดทำระบบ
"ดังนั้น มาตรการที่รัฐบาลได้ช่วยร้านค้า จะทำให้เกิดความยั่งยืน รายได้ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงเป็นหัวใจสำคัญ" นายเอกนิติ ระบุ