(เพิ่มเติม) BOJ มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันนี้ ส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ในการประชุมวันนี้ (19 ธ.ค.) โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอันเนื่องมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของ BOJ นับตั้งแต่เดือนม.ค.นั้น เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า แรงขับเคลื่อนของการปรับขึ้นค่าจ้างจะดำเนินต่อไปจนถึงปีหน้า นอกจากนี้ การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

หลังเสร็จสิ้นการประชุมระยะเวลา 2 วันในวันนี้ สมาชิก 9 คนของคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ ซึ่งรวมถึงคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% พร้อมออกแถลงการณ์ระบุว่า การคาดการณ์สถานการณ์พื้นฐานด้านเงินเฟ้อของ BOJ มีความเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป

แม้ว่า BOJ ได้คงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 6 ครั้งจนถึงเดือนต.ค. เพื่อประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แต่ BOJ ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า "ความไม่แน่นอนได้ลดลงแล้ว"

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ BOJ ในการปรับนโยบายการเงินสู่สภาวะปกติ เนื่องจากญี่ปุ่นเริ่มหลุดพ้นจากปัญหาเงินฝืด หลังจากที่ BOJ ได้ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของญี่ปุ่น สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของ BOJ มาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีครึ่งแล้ว

ทั้งนี้ BOJ ระบุว่า คณะกรรมการ BOJ พิจารณาแล้วเห็นว่า "เป็นเรื่องเหมาะสม" ที่จะปรับระดับการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ และเสริมว่า BOJ จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ขณะที่ภาวะการเงินยังคงผ่อนคลายแม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้ก็ตาม