ทรัมป์เซ็นกฎหมายงบฯ กลาโหมปี 69 วงเงินนิวไฮ 9.01 แสนล้านดอลลาร์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ (ภาพ: thaigov.go.th)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณด้านนโยบายกลาโหมประจำปีงบประมาณ 2569 เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ธ.ค.) ด้วยวงเงินรวม 9.01 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีมูลค่าสูงกว่าที่ทรัมป์เสนอไว้ราว 8 พันล้านดอลลาร์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กฎหมายว่าด้วยการอนุมัติการป้องกันประเทศ (National Defense Authorization Act) สำหรับปีงบประมาณ 2569 ซึ่งกำหนดลำดับความสำคัญด้านความมั่นคงและกรอบแผนงบประมาณ ระบุให้ปรับขึ้นเงินเดือนทหารทุกเหล่าทัพ 3.8% และจัดสรรงบประมาณปีละ 400 ล้านดอลลาร์ เป็นเวลา 2 ปี เพื่อช่วยยูเครน

ในส่วนของเอเชีย กฎหมายที่หนากว่า 3,000 หน้าฉบับนี้ ระบุให้รัฐบาลต้องคงกำลังทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการในเกาหลีใต้ไว้ที่ระดับ 28,500 นาย พร้อมจัดสรรงบประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนความมั่นคงรูปแบบใหม่ให้แก่ฟิลิปปินส์

งบประมาณสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนก.ย. 2569 นี้ มุ่งขยายความริเริ่มในการป้องปรามแปซิฟิก (Pacific Deterrence Initiative หรือ PDI) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของสหรัฐฯ ในการเสริมแกร่งด้านการทหารในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ผ่านการฝึกซ้อมร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน

นอกจากนี้ กฎหมายยังฉบับนี้ยังอนุมัติงบกว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการก่อสร้างทางทหารที่จำเป็นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมถึงงบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไต้หวัน ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันทางทหารที่เพิ่มขึ้นจากจีน

ขณะเดียวกัน กฎหมายยังกำหนดให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จัดตั้งโครงการร่วมกับไต้หวันภายในวันที่ 1 มี.ค. เพื่อสนับสนุนการนำระบบอากาศยานไร้คนขับและระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับมาใช้งาน รวมถึงการพัฒนาและการผลิตร่วมกัน

ทั้งนี้ สำหรับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในภูมิภาค สหรัฐฯ ยืนยันความมุ่งมั่นในการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารขั้นสูง ปรับปรุงโครงสร้างการบังคับบัญชาและการควบคุม เสริมสร้างความสามารถในการปฏิบัติการร่วมในทุกมิติ และยกระดับการแบ่งปันข้อมูลและข่าวกรอง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 68)