ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (19 ธ.ค.) โดยทำสถิติปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มกลาโหม ซึ่งช่วยชดเชยแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางสัปดาห์ที่อัดแน่นด้วยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญทั้งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,897.42 จุด เพิ่มขึ้น 59.65 จุด หรือ +0.61%
ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการเพิ่มขึ้นรวม 2.6% ซึ่งเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนต.ค. โดยเป็นสัปดาห์ที่ธนาคารกลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันพฤหัสบดี หลังการลงมติของคณะกรรมการเป็นไปอย่างสูสี และส่งสัญญาณว่าจังหวะการผ่อนคลายนโยบายที่ระมัดระวังอยู่แล้วอาจชะลอลงอีก ขณะเดียวกัน อังกฤษเผชิญการขาดดุลงบประมาณจำนวนมากอีกครั้งในเดือนพ.ย. และมีการปรับเพิ่มตัวเลขการกู้ยืมตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสะท้อนความท้าทายด้านการคลังที่เรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง ต้องเผชิญ
ในรายกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นกลุ่มโลหะมีค่าและเหมืองแร่พุ่งขึ้น หลังราคาโลหะเงินทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้นกลุ่มอากาศยานและกลาโหมปรับขึ้น 1.6%
ดัชนี FTSE 100 ปรับขึ้นแล้วราว 21.1% นับตั้งแต่ต้นปี เหนือกว่าดัชนี S&P500 ของตลาดวอลล์สตรีทซึ่งเพิ่มขึ้น 15.1% โดยได้แรงหนุนหลักจากหุ้นการเงินของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและประกันภัย ที่ได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง การประเมินมูลค่าที่ต่ำ และคุณภาพสินเชื่อที่ยังแข็งแกร่ง
หุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจภายในประเทศร่วงลง โดยเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด โดยหุ้น Barratt Redrow ร่วงลง หลัง Citigroup ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 506 เพนนี จาก 530 เพนนี ขณะที่หุ้น Bellway และ หุ้น Berkeley Group Holdings ปรับตัวลงด้วย