นายเซย์เยด เมห์ดี ตาบาตาเบอี รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสำนักงานประธานาธิบดีอิหร่าน เปิดเผยว่า นายอับดุลนาเซอร์ เฮมมาติ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอิหร่าน และอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ จะได้รับการแต่งตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอีกครั้ง โดยจะเข้ามาแทนที่นายโมฮัมหมัด เรซา ฟาร์ซิน ผู้ว่าการคนปัจจุบัน ซึ่งได้ประกาศลาออกก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นายเฮมมาติจะได้รับการแต่งตั้ง หลังการตัดสินใจของประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ผู้นำอิหร่าน โดยนายเฮมมาติเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอิหร่านในช่วงปี 2561–2564
นายฟาร์ซินได้ยื่นใบลาออกในวันนี้ หลังไม่สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และการทรุดตัวของสกุลเงินเรียลของอิหร่าน
ทั้งนี้ สกุลเงินเรียลดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีพุ่งขึ้น 42.2% ในเดือนธันวาคม
สกุลเงินเรียลอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง นับตั้งแต่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ในปี 2561 และกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน โดยเรียลดิ่งลงสู่ระดับ 1.42 ล้านเรียลต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้ ก่อนฟื้นตัวแตะระดับ 1.38 ล้านเรียลในวันนี้
การล่มสลายของค่าเงินเรียลส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวอิหร่านทั่วไป ทำให้มูลค่าของเงินเดือนและเงินออมลดลง ขณะที่ราคาสินค้าและบริการพุ่งสูงขึ้น
นายตาบาตาเบอีระบุว่า ความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศมีสาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและปัจจัยในตลาด ไม่ได้เกิดจากผู้นำธนาคารกลางเพียงอย่างเดียว
ชาวอิหร่านหลายร้อยคนพากันชุมนุมตามท้องถนนในกรุงเตหะราน และเมืองอื่น ๆ ในวันนี้ เพื่อประท้วงต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และการทรุดตัวของสกุลเงินเรียลของอิหร่าน ซึ่งทำให้ตลาดปั่นป่วนและกระทบต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือน
ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ผู้นำอิหร่าน ยอมรับถึงความรุนแรงของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ระหว่างการแถลงร่างงบประมาณปี 2569 ต่อสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้
'พวกเขาบอกให้ขึ้นเงินเดือน แล้วเราจะเอาเงินมาจากไหน?' ปธน.เปเซชเคียนกล่าว พร้อมกับโยนความผิดให้กับการตัดสินใจของรัฐบาล รัฐสภา และเจ้าหน้าที่ในอดีต
ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจนี้กำลังกลายเป็นความท้าทายครั้งใหม่สำหรับผู้นำอิหร่าน ขณะที่พยายามควบคุมประเทศที่มีประชากร 92 ล้านคน หลังจากที่อิหร่านกำลังฟื้นตัวจากการโจมตีของอิสราเอลและสหรัฐต่อโรงงานนิวเคลียร์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รวมทั้งถูกกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โดยหวังกดดันให้อิหร่านทำตามข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์
อิหร่านเผชิญกับการประท้วงเป็นระลอก ๆ ตั้งแต่ปี 2560 จากปัญหาเศรษฐกิจ ภัยแล้ง และข้อเรียกร้องอื่น ๆ
กองกำลังความมั่นคงของอิหร่านเคยปราบปรามการประท้วงก่อนหน้านี้ด้วยกำลังรุนแรงและการจับกุม ขณะที่วิดีโอที่เผยแพร่ทางออนไลน์ในวันนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมในกรุงเตหะรานและอย่างน้อยอีกสองเมือง
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้นของอิหร่านมีสาเหตุจากหลายปัจจัย นับตั้งแต่การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ ไปจนถึงนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนเศรษฐกิจแบบปิดของอิหร่าน รวมทั้งมาตรการของรัฐบาลทรัมป์ในการจำกัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และการทำสงครามกับอิสราเอลในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินจากธนาคารอิหร่านหลายแห่งมาใช้จ่าย