ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.71/73 อ่อนค่าจากช่วงเช้า หลังราคาทองย่อตัว จับตาดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐคืนนี้

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.71/73 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาด
เมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 32.52 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50 - 32.80 บาท/ดอลลาร์
          เงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคเคลื่อนไหวอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยเงินบาทเคลื่อนไหวตามราคาทองคำ
ที่ย่อลง สำหรับคืนนี้ตลาดรอติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จากสหรัฐฯ
          "ปัจจัยเงินบาทหลัก ๆ คือราคาทองที่ย่อลงค่อนข้างเยอะระหว่างวัน เมื่อเช้าเปิดประมาณ 3,345 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตอนนี้
ย่อลงมาเหลือแค่ 3,297 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้บาทกลับมาปิดอ่อนค่า" นักบริหารเงิน ระบุ
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.45 - 32.85 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 143.91/92 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 142.28 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1349/1350 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1401 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,163.42 จุด ลดลง -15.01 จุด (-1.27%) มูลค่าซื้อขาย 34,830.62 ล้านบาท          
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,197.68 ล้านบาท
          - รมว.คลัง ยอมรับว่าช่วงนี้เงินบาทปรับแข็งค่ามากขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าจะแข็งค่าไปอีกนานแค่ไหน หรือ
จะกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงไหน โดยทิศทางของค่าเงิน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกว่าจะมีการตกลงกันอย่างไร และความเชื่อมั่นต่อเงิน
ดอลลาร์สหรัฐว่าจะกลับมาได้มากขนาดไหน
          - อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-เม.ย.) มีการ
อนุญาตให้คนต่างชาติ เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 
363 ราย คิดเป็นเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 57,860 ล้านบาท
          - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำเริ่ม
กลับมายืนเหนือ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาแกว่งตัวจากการขายทำกำไรรับข่าวสถานการณ์ตึงเครียดหลายด้าน
ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ดี ล่าสุดราคาทองคำได้รับความสนใจอีกครั้ง จากแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐ 
ส่งผลให้เกิดกระแส Sell America ทั้งนี้ YLG มองว่าราคาทองคำปีนี้ภาพรวมจะยังคงเป็นขาขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี โดยยืน
ยันเป้าหมายระดับราคาของทองคำปีนี้จะไปได้ถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ตามเดิม ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มอง
เป้าหมายที่ 54,000-55,000 บาทต่อบาททองคำ
         - Krungthai COMPASS คาดว่า การส่งออกไทยช่วงครึ่งหลังของปี 68 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันการขึ้น 
Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ จะได้เห็นผลกระทบต่อไทยชัดเจนขึ้น ทั้งผลทางตรงจากอัตราภาษี ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่จะสูงกว่าภาษี 
Universal Tariff 10% ผลจากส่วนต่างภาษี หากไทยถูกเก็บในอัตราสูงกว่าประเทศส่งออกอื่น และผลทางอ้อมจากการค้าโลกที่แย่ลง 
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอ่อนแรง รวมถึงการทะลักเข้ามาของสินค้าจีน
          - สหภาพยุโรป (EU) ตกลงที่จะเร่งการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้าข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งถือเป็น
สัญญาณบวก และเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์ EU ว่า เอาเปรียบสหรัฐฯ และดำเนิน
การเจรจาอย่างล่าช้า
          - ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า เงินยูโรมีโอกาสเป็นทางเลือกสำคัญแทนดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงิน
สำรองหลักของโลก หากประเทศสมาชิกยูโรโซนสามารถเร่งเสริมแกร่งโครงสร้างด้านการเงินและเสถียรภาพได้
          - ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกโรงเตือนว่า ราคาอาหารที่พุ่งสูงอาจดันผลักเงินเฟ้อที่แท้จริง (Underlying 
Inflation) ให้ขยับสูงขึ้นไปอีก จากที่ปัจจุบันก็เข้าใกล้เป้าหมาย 2% อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ พร้อมเดินหน้าปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง