Netflix ประกาศชัยชนะครั้งใหญ่ในวงการสื่อหลังบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการสตูดิโอและธุรกิจสตรีมมิงของ Warner Bros Discovery ด้วยมูลค่าสูงถึง 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเสนอราคาซื้อหุ้นที่ 28 ดอลลาร์ เอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่าง Paramount Skydance ที่เสนอราคาเพียง 24 ดอลลาร์ไปได้
การควบรวมกิจการครั้งนี้จะเปลี่ยนดุลอำนาจของฮอลลีวูดทันที เพราะ Netflix จะได้ครอบครองสินทรัพย์อย่างภาพยนตร์และซีรีส์ตระกูล Harry Potter, Game of Thrones และจักรวาล DC Comics ซึ่งจะช่วยให้ Netflix แข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ได้เต็มที่โดยไม่ต้องง้อสตูดิโอภายนอกอีกต่อไป
เท็ด ซารานดอส ซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าวถึงก้าวย่างสำคัญนี้ว่า "การร่วมมือกันครั้งนี้จะทำให้เรามอบสิ่งที่ผู้ชมรักได้มากขึ้น และจะช่วยกำหนดนิยามใหม่ของการเล่าเรื่องในศตวรรษหน้า"
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของดีลนี้อาจไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากต้องผ่านด่านตรวจสอบการผูกขาดทางการค้าทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป เพราะการที่ Netflix เข้าถือครอง HBO Max ซึ่งมีฐานสมาชิกกว่า 130 ล้านคน อาจถูกมองว่าเป็นการผูกขาดตลาด
ขณะเดียวกัน ฝั่ง Paramount ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ออกมาตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการขายครั้งนี้อาจมีการเอื้อประโยชน์ให้ Netflix ซึ่งทาง Netflix ได้ชี้แจงเพื่อลดแรงต้านว่า การรวมบริการจะช่วยให้ราคาแพกเกจถูกลงสำหรับผู้บริโภค และยืนยันว่าจะยังคงฉายภาพยนตร์ในโรงตามปกติ
สำหรับรายละเอียดข้อตกลง ผู้ถือหุ้น Warner Bros Discovery จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสดและหุ้นรวมมูลค่า 27.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยคาดว่าดีลจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2569 หลังจากที่ Warner Bros Discovery แยกธุรกิจเครือข่ายทีวีเดิมออกไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ชื่อ "Discovery Global" เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Netflix ประเมินว่าจะช่วยลดต้นทุนดำเนินงานได้ถึงปีละ 2-3 พันล้านดอลลาร์ภายใน 3 ปี
หลังข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงลบเล็กน้อย โดยในช่วงก่อนเปิดตลาด หุ้น Netflix ปรับตัวลดลงเกือบ 3% ส่วน Paramount ลดลง 2.2%