PTG กางแผนมุ่งสู่ปี 69 อัดงบลงทุนกว่า 4,500 ลบ.เน้นหนัก Non-Oil พร้อมลุ้นยอดขายน้ำมันโต 5-10%

นายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี่ (PTG) เปิดเผยทิศทางผลประกอบการและแผนการดำเนินงานของบริษัท โดยให้ภาพรวมการเติบโตที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการขยายตัวของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายระยะยาวในปี 2572

ผลประกอบการปี 68 และแนวโน้มไตรมาส 4/68 ภาพรวมคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกและภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่บริษัทยังสามารถรักษาเสถียรภาพได้จากการขยายตัวของธุรกิจ Non-Oil ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับไตรมาส 4/68 คาดว่ายังเห็นการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) แม้จะมีผลกระทบบ้างเล็กน้อยจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้และปัญหาชายแดนในภาคอีสาน

"การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่เข้ามาช่วยประคองผลประกอบการ (Support) ให้ยังคงรักษาเสถียรภาพและทรงตัวได้ แม้ธุรกิจน้ำมันจะเผชิญปัจจัยลบ โดยธุรกิจ Non-Oil มีการขยายตัวสูงมากและมีสัดส่วนกำไรเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้"นายรังสรรค์ กล่าว

ขณะที่ปี 69 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตเพื่อให้บรรลุเป้าหมายใหญ่ในอนาคตที่ได้วางรากฐานไว้อย่างชัดเจน โดยเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 7,000 ล้านลิตร หรือเติบโตประมาณ 5-10% งบลงทุน (CAPEX) ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท เน้นการขยายตัวในธุรกิจ Non-Oil เป็นหลัก โดยจะรุกตลาดกาแฟและอาหาร ขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทยมากกว่า 800 สาขา คาดหวังยอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการเสริมทัพด้วยธุรกิจ "ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย" และ "ซับเวย์" ที่เริ่มสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ยุทธศาสตร์ระยะยาวและการปรับโครงสร้างกำไร PTG วางแผนปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ Non-Oil ภายในปี 72 เป้าหมายสัดส่วนกำไรขั้นต้นระหว่างธุรกิจ Oil และ Non-Oil ไว้ที่ 50:50 แต่หากสถานการณ์ค่าการตลาดน้ำมันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สัดส่วนกำไรจาก Non-Oil อาจพุ่งสูงไปถึง 60% ได้ในอนาคต

"สาเหตุที่สัดส่วน Non-Oil มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจในกลุ่มนี้มีการขยายตัวที่รวดเร็วกว่ากำหนด โดยคาดว่าในปีหน้าสัดส่วนกำไรจาก Non-Oil จะขึ้นไปแตะระดับเกือบ 35% ขณะที่ธุรกิจน้ำมันแม้จะมี Volume ที่สูงมาก โดยตั้งเป้าไว้ที่กว่า 7,000 ล้านลิตรในปีหน้า แต่กำไรขั้นต้นมีความผันผวนตามนโยบายและการกำกับดูแลค่าการตลาดของภาครัฐ การมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ Non-Oil จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ PTG ใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับผลประกอบการในระยะยาว"นายรังสรรค์ กล่าว

ส่วนการขยายตัวสู่ธุรกิจพลังงานใหม่ นอกจากธุรกิจ LPG แล้วบริษัทยังมุ่งเน้นไปที่โครงการโรงไฟฟ้า โดยเตรียมเริ่มดำเนินการโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ภาคใต้ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางรายได้

ขณะที่การสร้างความเชื่อมั่นผ่าน ESG และ SET100 การที่ PTG อยู่ในกลุ่มดัชนี SET100 ช่วยสะท้อนถึงความมั่นคงและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ นายรังสรรค์เน้นย้ำว่าบริษัทให้ความสำคัญกับด้าน ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อดึงดูดนักลงทุนและกองทุนที่เน้นความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าของหุ้นสะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงและสร้างศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ

นายรังสรรค์ กล่าวว่า การดำเนินงานของ PTG ในช่วงปี 2568 จนถึง 2569 จึงเปรียบเสมือนการสร้าง "เครื่องยนต์ตัวที่สอง" (Non-Oil) ให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมั่นคง ไม่ว่า "กระแสลม" ของค่าการตลาดน้ำมันจะผันผวนเพียงใดก็ตาม