ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 31.38 อ่อนค่าสุดในภูมิภาค ตามราคาทองโลกร่วงแรง

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 31.38 บาท/ดอลลาร์ อ่อนจากเปิดตลาดเมื่อเช้า
อยู่ที่ระดับ 31.17/21 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.02-31.41 บาท/ดอลลาร์
          เย็นนี้เงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาค ปัจจัยเนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกร่วงลงแรง ทำเงินบาทอ่อนค่าเร็ว
          สำหรับคืนนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ช่วงตลาดค่อนข้างเบาบางเนื่องจากใกล้ช่วงสิ้นปี ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาราคา
ทองในตลาดโลก
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 31.25-31.45 บาท/ดอลลาร์
          THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 31.3720 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 156.23 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 156.00/05 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1780 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1780/1785 ดอลลาร์/ยูโร
          - กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหว
ในกรอบ 31.00-31.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 31.06 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 
31.02-31.43 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 5 ปี 
          - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย. 68 ได้รับปัจจัย
สนับสนุนจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากปีก่อนหน้า 
อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา 
และสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
          - สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน พ.ย. 68 อยู่ที่ระดับ 90.54 
หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.24% และหดตัว 4.39% จากเดือน ต.ค. 68 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) ในเดือน พ.
ย. 68 อยู่ที่ 55.49 ลดลงจาก 57.81 ในเดือน ต.ค. 68 โดยมีปัจจัยกดดันจากการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเลียมลดลง, เงินบาทแข็ง
ค่า, สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา, สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
          - ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า คาดการสถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวช่วง
เทศกาลปีใหม่ 69 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 1.4-1.5 ล้านคน และสร้างรายได้ทางการท่อง
เที่ยว 51,600-58,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดในประเทศ คาดว่าจะมีการขยายตัวดีที่ 7% ทั้งด้านจำนวนและรายได้ จากการประกาศวัน
หยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน สภาพอากาศที่เย็นลงและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของททท. และพันธมิตร โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้
เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 4.96 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 18,500 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ทางการ
ท่องเที่ยวรวมในช่วงเทศกาลปีใหม่ 69 อยู่ระหว่าง 70,105-76,500 ล้านบาท
          - สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนกัมพูชา (SSBA) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (29 ธ.ค.) ระบุว่า คณะกรรมาธิการเขต
แดนร่วม (JBC) ฝ่ายกัมพูชา ได้ส่งหนังสือทางการทูตถึงฝ่ายไทย เพื่อเสนอให้มีการจัดประชุม JBC นัดพิเศษเร่งด่วนในสัปดาห์แรกของ
เดือนม.ค. ที่จังหวัดเสียมราฐ เพื่อเร่งรัดการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบกให้คืบหน้า พร้อมประกาศไม่ยอมรับเส้นเขตแดนที่เกิดจาก
การใช้กำลัง
          - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานสรุปความคิดเห็นของกรรมการ BOJ โดยระบุว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 
18-19 ธ.ค. ที่ผ่านมา กรรมการ BOJ ได้หารือกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แม้ว่า BOJ ได้ปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้แล้วก็ตาม โดยกรรมการคนหนึ่งเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในทุก ๆ 2-3 เดือน ซึ่งเป็นการเน้นย้ำ
ว่า BOJ ยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
          - ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น 3.1% แตะที่ระดับกว่า 90,200 ดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์วันนี้ (29 ธ.ค.) โดยราคา
บิตคอยน์ฟื้นตัว หลังจากพลาดกระแส "ซานตาคลอสแรลลี่" (Santa Claus Rally) ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งทำ
สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
          - นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 9-10 ธ.ค. ของเฟดในวันอังคารนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอก
เบี้ยของเฟด