นายกฯ ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มพรุ่งนี้

ฝ่าฝืนโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ กำหนดห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในเวลา 22.00 น.ถึง 04.00 น.โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ประกาศข้อกำหนดใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) มีเนื้อหาว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และได้ออกข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 แล้วนั้น เพื่อให้มีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น.ถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น หรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก

การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็น หรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือนหรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรค 1 สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดว่าข้อกำหนดนี้ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย

ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจัดที่เอกเทศ เพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประกาศเคอร์ฟิวมีผลบังคับใช้จะมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องปฏิบัติงานในช่วงเคอร์ฟิว เช่น พนักงานส่งของ พนักงานขนส่งหนังสือพิมพ์ แต่จะต้องมีใบรับรองจากบรรณาธิการและหลักฐานแสดงตนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนรวมถึงยกเว้นสำหรับผู้ที่ทำงานเป็นกะ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ข้าราชการ พนักงานโรงงาน แต่ก็จะต้องมีใบรับรองจากบริษัทแสดงความจำเป็นเข่นกัน

“ขอแนะนำให้ทำสำเนาไว้มากกว่า 1 ชุด เผื่อเจอเจ้าหน้าที่ขอยึดใบรับรองนั้นไว้ จะได้เหลือใบรับรองไว้ใช้แสดงตนต่อไป อย่างไรก็ตามเราเห็นถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่เลยมีการยกเว้นตามที่กล่าวมา แต่สำหรับคนที่ไม่มีความจำเป็นหากออกนอกเคหะสถานเวลาเคอร์ฟิวจะถือว่าฝ่าฝืนข้อกำหนดและจะมีโทษ”

นายวิษณุ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 เม.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top