แนะ 4 มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในสถานประกอบการ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ที่มีจำนวนผู้ป่วยลดลงเมื่อเทียบกับระยะที่ผ่านมา แต่ทุกพื้นที่ยังต้องดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นต่อไป ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังมีบางส่วนที่ยังต้องทำงานอยู่หรือทำงานเป็นกะสลับกัน โดยเฉพาะในสถานประกอบการใหญ่ๆ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะพบการติดเชื้อดังกล่าวได้เช่นกัน

กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับสถานประกอบการ ดังนี้

1.การควบคุมทางวิศวกรรม คือการใช้หลักการทางวิศวกรรมมาช่วย ได้แก่ การตรวจสอบระบบระบายอากาศ ใช้เครื่องจักรแทนกำลังคนเพื่อเป็นการลดโอกาสการพูดคุยกันแบบต่อหน้าระหว่างพนักงาน และจัดสถานที่ทำงานให้มีฉากกั้นระหว่างบุคคล

2.การควบคุมโดยการบริหารจัดการ ลดกระบวนการทำงานให้พนักงานสัมผัสเชื้อโรคน้อยที่สุด เช่น ลดการสัมผัสระหว่างพนักงานและลูกค้า โดยให้สื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ งดการเดินทางไปในที่ที่ไม่จำเป็น ให้ความรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการเพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และวิธีใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง

3.กำหนดวิธีการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย โดยจัดสภาพแวดล้อมของการทำงานที่ถูกสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น กระดาษชำระ ถังขยะที่ไม่ต้องใช้มือสัมผัส สบู่เหลวล้างมือ แอลกอฮอล์เจล และทำความสะอาดบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมทุก 1 ชั่วโมง เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟท์ เป็นต้น

4.อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคล เช่น ถุงมือ แว่น อุปกรณ์ป้องกันส่วนใบหน้า หน้ากากอนามัย และในกรณีเป็นพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ จะต้องแนะนำการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ให้ตรงกับลักษณะการทำงาน สุดท้ายควรมีการประเมินความเสี่ยงให้ทันต่อเหตุการณ์เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ด้วย

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับพนักงานในสถานประกอบการ หากกลับถึงบ้านแล้วต้องทำความสะอาดร่างกายทันที เพื่อลดโอกาสการนำเชื้อเข้ามาติดต่อสู่คนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้อยู่ร่วมบ้านกับผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะถ้ากลุ่มดังกล่าวได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มอื่น และใช้หลักปฏิบัติคือกินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว และล้างมือบ่อยๆ พร้อมทั้งสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันโรค

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top