หุ้นไทยวันนี้ร่วงแรง 25.96 จุด หนักกว่าเพื่อนบ้าน

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,559.27 จุด ลดลง 25.96 จุด (-1.64%) มูลค่าการซื้อขาย 65,089.77 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงหนักกว่าตลาดต่างประเทศ ตอบรับปัจจัยลบจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และยังมีแรงกดดันเสริมจากปัจจัยเฉพาะตัวในประเทศของหุ้นแต่ละกลุ่ม ซ้ำขาดแรงหนุนจากกองทุน LTF และ SSF ก็ยังไม่มา ส่งผลให้หุ้นร่วงทั้งกระดาน ยกเว้น PTTEP ปรับขึ้นรับน้ำมันพุ่ง ยังต้องติดตามพิจารณางบประมาณปี 63 วาระ 2-3 แต่เชื่อผ่านได้ รวมถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุง 12 ม.ค.ส่งผลตลาดเปราะบาง แต่พรุ่งนี้ยังมีลุ้นเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังลงไปมาก ให้แนวรับ 1,550 แนวต้าน 1,570 จุด

  • SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,559.27 จุด ลดลง 25.96 จุด (-1.64%) มูลค่าการซื้อขาย 65,089.77 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,572.03 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,555.75 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 388 หลักทรัพย์ ลดลง 1,385 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 268 หลักทรัพย์

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส และตลาดในยุโรป ที่ต่างติดลบกันไม่มากนัก

ดัชนี SET เริ่มไหลลงมาใกล้จุดต่ำสุดเดิมที่ 1,543 จุด ส่วนหนึ่งอาจมาจากขาดแรงหนุนจากกองทุน เพราะขณะนี้ก็ไม่มีกองทุน LTF ที่จะมาช่วยหนุนแล้ว ขณะที่ SSF กว่าจะออกมาคงเป็นราวเดือน ก.พ. ทำให้หุ้นปรับลงทั้งกระดาน ยกเว้นหุ้น PTTEP ที่ดีดตัวตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดบ้านเรายังได้แรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัวภายในประเทศด้วย อย่างกลุ่มแบงก์ ได้รับแรงกดดันจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการช่วยเหลือกลุ่ม SME และภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการปรับลดค่าธรรมเนียม ส่งผลให้แบงก์ต้องแบกรับภาระไป ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ปรับตัวลงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกระทบต่อต้นทุน ขณะที่สเปรดปิโตรฯยังไม่ได้ดีขึ้น

อีกทั้งช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระ 2 และวาระ 3 แต่เชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้ รวมถึงยังมีเรื่องกิจกรรมวิ่งไล่ลุงวันที่ 12 ม.ค.นี้ที่มีนัยทางการเมือง ส่งผลให้ตลาดฯยังเปราะบาง

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) นายณัฐพล กล่าวว่า ทิศทางตลาดยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่ก็มีโอกาสจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้หลังจากปรับตัวลงไปมากแล้ว โดยมองแถว 1,545-1,550 จุดอาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นตัว แต่มองไปที่พลังงานต้นน้ำ คือ น้ำมัน เป็นหลัก, กลุ่ม Defensive และหุ้นปันผลดี รวมถึงกลุ่มส่งออกอาหารหลังเงินบาทอ่อนค่า อย่าง CPF เริ่มเห็นแข็งแกร่งกว่าตลาดฯ แต่คงเป็นการฟื้นตัวเบา ๆ เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยต้องติดตาม

พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BAM มูลค่าการซื้อขาย 4,140.97 ล้านบาท ปิดที่ 20.80 บาท ลดลง 0.40 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,085.06 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,748.92 ล้านบาท ปิดที่ 88.25 บาท ลดลง 1.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,719.59 ล้านบาท ปิดที่ 46.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,311.71 ล้านบาท ปิดที่ 140.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ม.ค. 63)

Back to Top