นายกฯ ยันไม่ประมาทแม้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ แนะเดินหน้าปรับพฤติกรรมสู่ New Normal

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่วัดระฆังโฆสิตารามว่า

แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะลดลง แต่อย่าประมาท ถึงตัวเลขจะเป็น 0 ก็ประมาทไม่ได้ เพราะเชื้อโรคยังสะสมอยู่ บางคนไม่แสดงอาการ ดังนั้น ไม่ใช่ว่ามีผู้ติดเชื้อน้อยแล้วจะผ่อนปรนมากขึ้น แม้ว่าอยากให้มีการเปิดกิจการ/กิจกรรม แต่หากมีผู้ติดเชื้อแล้วจะทำอย่างไร

“รัฐบาลเตรียมจะทยอยเปิดกิจการเพื่อให้ทำมาหากินได้เป็นระยะๆ ไป รู้ดีว่าทุกคนลำบาก บางคนก็เดือดร้อน แต่ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ อยู่มา 5-6 ปีไม่รู้จักผมหรือว่าเป็นคนอย่างไร ต้องการทำให้ทุกคนมีความสุข ทำให้ประเทศดีขึ้น แต่การทำงานไม่ใช่นายกฯ คนเดียว ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราทุกคน อะไรที่มีการพูดจาไม่จริง ผมไม่ไปเถียงหรือโต้ตอบใคร ความสุขของนายกฯ คือการมาทำงานให้กับทุกคน”  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พร้อมย้ำว่า การแจ้งข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ได้รับการเยียวยาก็ขอให้ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสามารถทำเรื่องการจ่ายเงินให้ได้ตรงกับทุกคนได้ประมาณกว่า 30 ล้านคน ซึ่งคงไม่เคยมีรัฐบาลที่ไหนทำได้ จึงขอให้เชื่อมั่น

ทั้งนี้ หลายอย่างต้องพัฒนาต่อไปในโลกยุคใหม่ หรือ New Normal คือเป็นความปกติแบบใหม่ อยู่กันแบบปกติที่ต้องระมัดระวังสุขภาพ ดูแลตัวเอง ดูแลคนอื่น แบ่งปันคนอื่น และใช้โซเซียล ใช้ดิจิทัลในการดำเนินชีวิต เช่น การรับบริการต่างๆที่ดีเราต้องรักษาไว้ อะไรที่เป็นของใหม่ได้ประโยชน์ก็ทำต่อไป

“ถ้ามัวแต่คิดแบบเดิม ไม่ทำอะไรใหม่ก็คงไปไม่ได้ในโลกยุคใหม่ เพราะการให้บริการก็เป็นระบบออนไลน์แล้วเกือบทั้งนั้น เราต้องรู้จักการลงทะเบียน การส่งข้อมูลทุกอย่างก็จะเร็วขึ้น ต้องยอมรับถ้าข้อมูลผิด การจัดสรรก็อาจจะต้องละเอียดและรอบคอบ ทำให้เกิดความล่าช้าบ้าง”

นายกรัฐมนตรี กล่าว

สิ่งที่เป็นห่วงคือ วันนี้เรากำลังเดินหน้าไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ วันข้างหน้าประชาชนอาจไม่ออกมานอกบ้านเหมือนเดิม มีการปรับเป็นการซื้อ-ขายของออนไลน์และดิลิเวอรี่ มีการปลูกพืชผักสวนครัวตามอพาร์ทเม้นต์ตามบ้านเรือน และมีการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมในชีวิตวิถีใหม่ เราต้องเรียนรู้ในระบบเหล่านี้ เพื่อนำมาสร้างอาชีพสร้างรายได้ในอนาคต เพราะหากทำพฤติกรรมเดิมคงไม่ได้แล้ว

ส่วนการขยายมาตรการส่งเสริมการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ของภาคเอกชนและภาคธุรกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานที่บ้านไม่ใช่แค่การป้องกันโควิด-19 อย่างเดียว แต่ต้องนึกถึงการแก้ไขปัญหาการจราจรด้วย ทั้งนี้ได้สั่งการไปแล้วว่า การเรียน การสอนที่บ้าน เป็นสิ่งสำคัญที่ได้ให้นโยบายไป และขอให้ไปทบทวนว่าวิชาใดสามารถเรียนออนไลน์และเรียนโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมได้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ต้องไปโรงเรียน รวมถึงมาตรการเหลื่อมเวลาการทำงานที่ทำให้การจราจรไม่ติดขัด แต่ต้องคำนึงถึงผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานไปโรงเรียน เพื่อให้จัดระเบียบในองค์กรว่าพนักงานคนใดมีลูกวัยใดเพื่อจัดเวลาเข้าทำงานให้เหมาะสม

พร้อมกับได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปหาวิธีการที่จะให้โรงเรียนเปิดเหลื่อมเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น

“วันนี้เราต้องคิดระยะยาวเพื่อลูกหลานของเราในอนาคตนักบริหารจะต้องคิดแบบนี้ แก้ปัญหา ทำปัจจุบัน และคิดอนาคต และเตรียมการสู่อนาคตไปในเวลาเดียวกัน นั่นคือหลักการของผู้บริหารที่ดี”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top