In Focus: จับตาโควิด-19 ระบาดระลอก 2 อีกหรือไม่ และเมื่อใด

การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดทำการของภาคธุรกิจในประเทศต่าง ๆ จะทำให้เกิดการกลับมาแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อีกหรือไม่ และเมื่อใด เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เกิดการติดเชื้อแบบกลุ่มอีกครั้งที่เกาหลีใต้ในย่านดังของกรุงโซลอย่างอิแทวอน และการติดเชื้อแบบกลุ่มที่เมืองซูหลาน มณฑลจี๋หลิน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน รวมทั้งที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นต้นตอของการระบาด

In Focus สัปดาห์นี้ จะพาผู้อ่านติดตามสถานการณ์การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และโอกาสที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 อีกระลอกในประเทศต่าง ๆ

จีนและมาตรการที่เด็ดขาด

จีนได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในพื้นที่ต่าง ๆ และได้ยุติมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้ในเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันที่ 8 เม.ย. หลังจากที่ได้ปิดเมืองนานถึง 11 สัปดาห์ โดยในช่วงเดือนเม.ย. ยอดการติดเชื้อส่วนใหญ่ในจีนมีไม่มากนัก และยังเป็นการติดเชื้อจากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จนกระทั่งพบการติดเชื้อครั้งใหม่ที่อู่ฮั่นและซูหลาน ซึ่งทำให้ทางการจีนประกาศยกระดับความเสี่ยงในเมืองซูหลานสู่การเตือนความเสี่ยงในระดับสูงทันที

นอกจากนี้ ทางการเมืองซูหลานยังได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งครอบคลุมถึงการจำกัดการเดินทางสัญจร การปิดสวนสนุก ห้องสมุด และอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ขณะที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ได้ส่งคณะทำงานลงพื้นที่ในเมืองซูหลานทันทีเช่นกัน ภายหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่ได้รับการยืนยันแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 11 รายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยกรณีการติดเชื้อทั้งหมดเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ

มาตรการที่จีนประกาศใช้หลังจากที่พบการติดเชื้อรายใหม่ในประเทศที่มีประชากรมหาศาลด้วยเช่นกัน คือ การตรวจหาเชื้อในกลุ่มประชาชนถึง 11 ล้านราย ซึ่งถือเป็นมาตรการที่จีนได้นำมาใช้เพิ่มเติม และยังแสดงให้เห็นซึ่งศักยภาพและความพร้อมด้านเทคโนโลยีการแพทย์ของประเทศ

จะเห็นได้ว่า การรับมือกับกรณีการติดเชื้อครั้งใหม่ในจีนนั้น มีความเข้มงวดและเด็ดขาดแตกต่างไปจากเกาหลีใต้ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ในจีนนั้น รุนแรง และการใช้มาตรการที่เด็ดขาดช่วยให้จีนสามารถจัดการกับวิกฤตจากโรคอุบัติใหม่ได้อยู่หมัด แต่จีนก็ไม่เคยที่จะการ์ดตก ดังจะเห็นได้จากการใช้มาตรการรับมือกับการติดเชื้อครั้งใหม่อย่างทันท่วงทีไม่ว่าพื้นที่นั้น ๆ จะตั้งอยู่ที่ใดในประเทศ

เกาหลีใต้ยังห่วงเศรษฐกิจประเทศ

ขณะที่เกาหลีใต้เลือกใช้มาตรการตรวจสอบหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง แม้ว่าจะพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 26 ราย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 10,962 ราย ในวันนี้ และจุดชนวนความกังวลว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดรอบที่ 2 ในประเทศ หลังพบการติดเชื้อที่ย่านไนต์คลับชื่อดัง โดยผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่ไปเที่ยวคลับและบาร์ในย่านดังกล่าวรวมกันถึง 5 แห่งเมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค. ส่งผลให้ทางการเกาหลีใต้ประกาศตามหาตัวผู้ที่เดินทางไปคลับและบาร์เดียวกันกับผู้ติดเชื้อดังกล่าวประมาณ 1,510 ราย เพื่อนำบุคคลเหล่านี้มาตรวจหาเชื้อ และสั่งปิดสถานบันเทิงอีกครั้ง

จะเห็นได้ว่า การติดเชื้อแบบกลุ่มกรณีล่าสุดในเกาหลีใต้ ไม่ได้นำไปสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง แต่เกาหลีใต้เลือกที่จะตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายหลังจากที่ตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.ปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2542 หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กระทบตลาดงานเกาหลีใต้อย่างหนัก

ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 26.56 ล้านตำแหน่ง ลดลง 476,000 ตำแหน่งจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงมากสุดนับแต่เดือนก.พ. 2542

ฤดูร้อนในยุโรปจะจุดชนวนให้โควิด-19 ระบาดอีกครั้งหรือไม่

เมื่อมองข้ามฟากมายังฝั่งทวีปยุโรปแล้ว หลายประเทศได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ในขณะเดียวกันก็เกิดความหวั่นวิตกว่า จะเกิดการติดเชื้อโควิด – 19 ระลอกใหม่ในยุโรปช่วงฤดูร้อนนี้ เนื่องจากสภาพอากาศและบรรยากาศที่สวยงามในช่วงฤดูกาลนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงในยุโรป รวมทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นในยุโรปช่วงนี้ อาจจะทำให้ประชาชนไม่อยากจะปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม และกฎระเบียบในด้านสุขอนามัยเท่าไรนัก นอกจากนี้ จากผลการศึกษาเกี่ยวกับการระบาดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญเองก็ระบุในผลการศึกษาดังกล่าวว่า การระบาดระลอกที่ 2 มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วยเช่นกัน

นายสเตฟาน เดอ เคียร์สเมคเคอร์ โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปควรจะเตรียมความพร้อมรับมือกับการติดเชื้อครั้งที่ 2 ด้วยการยกระดับระบบป้องกันและตรวจสอบที่มีอยู่เดิม ขณะเดียวกันทางสหภาพยุโรปก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรป เพื่อดูแลกลไกในการติดต่อสื่อสารเรื่องความเสี่ยงให้สามารถทำหน้าที่ในการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนว่า การระบาดอีกระลอกของโควิด-19 นั้น เป็นสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้ว่า เราจะสามารถรับมือกับการระบาดระลอกแรกได้แล้วก็ตาม

สำหรับในเยอรมนีนั้น ก็เป็นอีกประเทศที่ได้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 เม.ย. โดยทางการได้อนุญาตให้ร้านค้าเล็กๆ เปิดให้บริการ แต่ยังคงมาตรการรักษาห่างทางสังคมไว้ อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศก็กลับมาเพิ่มขึ้นภายหลังการผ่อนคลาย หลังจากที่เยอรมนีค่อนข้างจะประสบความสำเร็จกับการชะลอการแพร่ระบาด โดยทางการเยอรมนีได้กำหนดเกณฑ์ของจำนวนการติดเชื้อรายใหม่ไว้ที่ 50 รายต่อสัปดาห์ สำหรับจำนวนประชากร 1 แสนราย หากตัวเลขการติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ทางการจะนำมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกลับมาใช้อีก

ภายใต้ระบบการปกครองของเยอรมนีนั้น รัฐต่างๆ สามารถตัดสินใจเองได้ว่า จะเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ บาร์ คลับ และธุรกิจต่างๆ เมื่อใด และอย่างไร โดยนักเรียนยังคงทยอยกลับเข้าเรียน ขณะที่เยอรมนียังคงประกาศเตือนเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศจนถึงช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้

ส่วนฝรั่งเศส ซึ่งได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดมาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ก็ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการเมื่อวันที่ 11 พ.ค. โดยการผ่อนคลายมาตรการเฟสแรกของฝรั่งเศสจะใช้ไปจนถึงวันที่ 2 มิ.ย. การยกเลิกมาตรการคุมเข้มในประเทศนั้น แตกต่างกันไปตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาด โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่น พื้นที่ทางตะวันออกหรือปารีส ก็จะมีการใช้มาตรการที่ค่อนข้างจะเข้มงวดอยู่

โดยโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กและประถมในฝรั่งเศสเริ่มเปิดการเรียนการสอนแล้วเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ส่วนโรงเรียนระดับมัธยมจะเริ่มเปิดในสัปดาห์ถัดมา ขณะที่ประชาชนไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อระบุถึงความจำเป็นในการเดินทางออกจากบ้านหรือการเดินทางในรัศมี 100 กิโลเมตรแล้ว ส่วนการรวมตัวกันในสังคมนั้น สามารถทำได้ หากมีการรวมตัวกันไม่เกิน 10 ราย แต่การจัดงานอีเวนท์ขนาดใหญ่ ยังคงถูกสั่งห้ามต่อไปอีกหลายเดือน

ขณะที่อิตาลี ซึ่งเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ได้ใช้มาตรการกักตัวประชาชนเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ได้อนุญาตให้สวนสาธารณะต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 4 พ.ค. แต่ก็ยังจำกัดจำนวนของสวนสาธารณะที่เปิดให้บริการ เพื่อป้องกันไม่ให้มีประชาชนมาใช้บริการในสวนมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ประชาชนสามารถไปเยี่ยมเยียนญาติที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคเดียวกันได้

ส่วนร้านค้าต่างๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านทำผม จะเปิดให้บริการในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ขณะที่งานศพ ซึ่งมีแขกเข้าร่วมงานไม่เกิน 15 คน สามารถประกอบพิธีได้ แต่ผู้เข้าร่วมภายในงานจะต้องใส่หน้ากากอนามัย

เดนมาร์กซึ่งเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา อัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตในประเทศก็ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเดนมาร์กได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเฟสที่ 2 ในสัปดาห์นี้ โดยอนุญาตให้ร้านอาหารและช็อปปิงมอลล์เปิดให้บริการอีกครั้ง โดยนักระบาวิทยาของเดนมาร์กมองง่า เดนมาร์กไม่น่าจะเผชิญกับการระบาดระลอก 2 อีกครั้ง ภายหลังจากที่รัฐบาลได้เพิ่มการตรวจสอบเพื่อหาเชื้อและใช้ระบบการติดตาม

สำหรับกรีซนั้น ได้เริ่มเปิดให้ร้านรวงต่าง ๆ ให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่กรีซได้เข้าสู่เฟสที่ 2 ของการล็อกดาวน์ โดยภาคธุรกิจค้าปลีกยังคงเปิดให้บริการได้ แต่ต้องใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม หลังจากที่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 23 มี.ค. และมาตรการของกรีซก็ช่วยให้กรีซสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยหนักในประเทศลงได้

แพทย์ชื่อดังเตือนสหรัฐเสี่ยงระบาดรอบสองฤดูใบไม้ร่วง หากรีบเปิดเศรษฐกิจ

“มีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดรอบที่ 2 ในสหรัฐ อาจจะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดจนไม่สามารถควบคุมได้ และจะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ” นี่คือการคาดการณ์ของนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว

นับเป็นการคาดการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของสถานการณ์ในสหรัฐได้เป็นอย่างดี นายแพทย์ฟอซี ยังเตือนด้วยว่า รัฐต่างๆ ในสหรัฐจะเผชิญกับผลกระทบร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นตามมา หากสหรัฐเปิดเศรษฐกิจก่อนเวลาอันควร ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

ทั้งนี้ นายแพทย์ฟอซีได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการสาธารณสุขประจำวุฒิสภาสหรัฐว่า “สิ่งที่ผมกังวลก็คือว่า ในพื้นที่บางแห่ง เมืองบางเมือง และรัฐบางรัฐ หรือไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม กำลังมองข้ามจุดอันตรายและรีบเปิดเศรษฐกิจก่อนเวลาอันควร โดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ การเร่งรีบเช่นนี้จะทำให้เราเริ่มเห็นเค้าลางของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และผลที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น อาจร้ายแรงอย่างมาก”

นายแพทย์ฟอซียังกล่าวด้วยว่า แม้ว่ารัฐบางรัฐที่มีการดำเนินการอย่างเหมาะสมในการเปิดเศรษฐกิจนั้น ก็อาจจะได้เห็นตัวเลขการติดเชื้อที่สูงขึ้น

“แม้จะมีการดำเนินการภายใต้สถานการณ์ที่ดีที่สุด แต่เมื่อคุณผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวด คุณก็จะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ความสามารถและศักยภาพในการรับมือกับสถานการณ์การติดเชื้ออย่างเฉพาะเจาะจง การคัดแยก และการติดตามการสัมผัสของผู้ติดเชื้อ จะเป็นตัวชี้วัดว่า คุณจะสามารถเดินหน้าต่อในเรื่องการเปิดเศรษฐกิจในสหรัฐได้หรือไม่”

นายแพทย์ฟอซีกล่าว

หากพิจารณาจากการผ่อนคลายมาตรการของนานาประเทศ ภายหลังจากที่ต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ที่หนักหนาสาหัสแตกต่างกันไปแล้ว คำพูดของนายแพทย์ฟอซีที่เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ว่า “ในใจผมนั้น การกลับมาอีกครั้งของไวรัส คงจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่วิธีการที่เรารับมือกับมัน จะเป็นหนทางที่จะกำหนดชะตาชีวิตของเรา” คงเป็นคำพูดที่ไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงเท่าไรนัก เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราการ์ดตก โควิด-19 ก็น่าจะกลับมาได้ทุกเมื่อ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 63)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top