SCB เล็งทบทวนเป้าธุรกิจปี 63 หลังโควิดกระทบเศรษฐกิจกดดันดีมานด์สินเชื่อ

เน้นคุมเข้ม NPL ไม่เกิน 3.4%

นายเย็น ลอทเนอร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมทบทวนแผนการดำเนินงานปี 63 ในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจไทยที่เผชิญกับความเสี่ยงกดดัน โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้จะติดลบราว 5.6% จึงส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานของธนาคาร

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อในปี 63 เดิมธนาคารตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 3-5% ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 2/63 และช่วงครึ่งปีหลังว่าความต้องการใช้สินเชื่อจะเป็นอย่างไร หลังจากที่ไตรมาส 1/63 สินเชื่อของธนาคารหดตัวเล็กน้อย -1.4% แม้จะมีแรงหนุนจากการขอใช้สินเชื่อซอฟท์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาสนับสนุนส่วนหนึ่ง แต่อาจจะไม่สามารถช่วยฟื้นภาพรวมได้ทั้งหมด เพราะทุกอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก

อีกทั้งยังต้องติดตามว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาเป็นอย่างไรหลังจากที่ภาครัฐเริ่มคลายล็อกมาตรการต่าง ๆ แล้ว และโครงการลงทุนต่างๆจะมีทิศทางเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะเน้นการควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้มีประสิทธิภาพ จากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพรวมทั้งหมด ทำให้ธนาคารต้องมีการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปพร้อมกัน โดยได้ออกมาตรการต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้า ทำให้ธนาคารสามารถรักษา NPL ให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่ง NPL ในช่วงไตรมาส 1/63 ลดลงมาอยู่ที่ 3.17% และธนาคารจะควบคุม NPL ทั้งปีนี้ไม่ให้เกิน 3.4%

ส่วนการตั้งสำรองในปีนี้ตามที่ธนาคารได้วางแผนไว้ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) จะอยู่ในระดับที่มากกว่า 130% เพื่อรักษาเสถียรภาพของธนาคาร ซึ่งในไตรมาส 1/63 ที่เกินเป้าหมายแล้วที่ 140%

ขณะเดียวกันธนาคารยังต้องบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ยังไม่จำเป็นต้องชะลอออกไปก่อน เพื่อสำรองกระแสเงินสดให้เพียงพอรองรับการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารเห็นถึงความสำคัญในความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top