สธ.เปิดผลสอบสวนโรค 2 ผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศวานนี้

เร่งค้นหาเชิงรุกควบคุมการระบาด

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในการออกค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active case finding) เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 แม้ในบางพื้นที่อาจไม่พบผู้ติดเชื้อจากการลงพื้นที่ค้นหาก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าพื้นที่นั้น ๆ จะไม่มีผู้ติดเชื้ออยู่ในชุมชน เพราะบางรายอาจไม่แสดงอาการป่วยหรือมีอาการน้อย ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ จึงมีโอกาสแพร่เชื้อในชุมชนได้

อย่างกรณีผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย เมื่อวานนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนโรค ซึ่งข้อมูลกำลังทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากรวบรวมข้อมูลแล้วจะดำเนินกระบวนการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกต่อไป

โดยรายแรกเป็นชายอายุ 72 ปีนั้นมีความระมัดระวังตัวเองดีมากอยู่แล้ว เพราะมีโรคประจำตัวที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจึงใส่หน้ากาก ขณะเข้าไปใช้บริการในร้านตัดผมก็ไม่มีลูกค้ารายอื่น ส่วนพนักงานในร้านก็ใส่หน้ากากจึงมีความเสี่ยงต่ำ และสมาชิกในครอบครัวอีก 2-3 คนอยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อ ซึ่งผลตรวจน่าจะรู้ภายในวันพรุ่งนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครมีอาการป่วย

“สิ่งที่ยังเป็นคำถามอยู่คือได้รับเชื้อมาจากที่ใด เนื่องจากมีประวัติที่เดินทางไปใช้บริการในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยก็มีโอกาสรับเชื้อในโรงพยาบาล ซึ่งเราอยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีโรงพยาบาลแห่งใดบ้าง และไปทำกิจกรรมใดมาเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายนี้”

นพ.โสภณ กล่าว

ส่วนอีกรายที่เป็นชายชาวเยอรมนีก็ได้ตรวจภรรยาและลูกแล้วไม่ติดเชื้อ แต่ทีมสอบสวนโรคกำลังรวบรวมข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มาตรวจหาเชื้อ ขณะที่ในจังหวัดชัยภูมิก่อนหน้านี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพียง 3 ราย ซึ่งมีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้

“ชายคนนี้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม ทีมงานสอบสวนโรคพบว่าใช้หน้ากากผ้าแต่อาจไม่ตลอดเวลา”

นพ.โสภณ กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการรณรงค์เรื่องสุขอนามัยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในเรื่องการสวมหน้ากาก การล้างมือ และการเว้นระยะห่าง ส่งผลให้สถิติผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นจำเป็นต้องกระตุ้นให้ประชาชนเคร่งครัดเรื่องสุขอนามัยต่อเนื่อง หลังผลสำรวจพบประชาชนมีแนวโน้มหย่อนยานเรื่องการดูแลสุขอนามัย รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top