เชียร์’ซื้อ’ BCPG กำไรปกติฟื้น Q2/63 โรงไฟฟ้าในลาวหนุน

โบรกเกอร์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบมจ.บีซีพีจี (BCPG) มองกำไรปกติฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/63 หลังมีการรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากเป็นช่วง High Season ในการผลิตไฟฟ้า

ประกอบกับจะรับรู้การผลิตโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam San ในลาวได้เต็มที่ รวมถึงโครงการดังกล่าวยังมีปริมาณน้ำเข้ามาเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนด้วยซึ่งช่วยหนุนการผลิตได้เพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งหุ้นโรงไฟฟ้ายังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างจำกัด

ขณะเดียวกันบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ได้ปรับลดงบลงทุนของทั้งกลุ่มลง แต่ยังคงงบลงทุนสำหรับ BCPG ไว้เหมือนเดิมที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า สะท้อนถึงมุมมองที่มั่นใจต่ออนาคตที่สดใสของธุรกิจพลังงานทดแทน โดยการขยายตัวผ่าน M&A ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งทิศทางตลาดการเงินโดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำยังคงเอื้อสำหรับการลงทุนใหม่ ๆ

ช่วงบ่ายราคาหุ้น BCPG อยู่ที่ 17 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.58% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.11%

โบรกเกอร์คำแนะนำราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
หยวนต้า (ประเทศไทย)ซื้อ 20.90
เอเชีย เวลท์ซื้อ 20.00
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ซื้อ 18.30
กสิกรไทยซื้อ 21.10
เคจีไอ (ประเทศไทย)ซื้อ 22.00

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า กำไรปกติจากการดำเนินงานของ BCPG มีแนวโน้มกลับมาดีขึ้นได้ในไตรมาส 2/63 จากภาพรวมของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว ซึ่งในไตรมาสนี้ BCPG จะรับรู้ผลประกอบการของโครงการ Nam San 3A และ 3B เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่จะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิมากน้อยแค่ไหนด้วย

ขณะเดียวกันประเมินกำไรปกติทั้งปี 63 ที่ระดับ 2 พันล้านบาท หรือเติบโต 17.5% จากปีก่อน มาจากการเพิ่มกำลังผลิต โดยโครงการสำคัญที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลประกอบการปีนี้ มาจากโครงการ Nam San 3B ที่เริ่มผลิต มี.ค. 63 และโครงการ Nam San 3A ที่เริ่มมาตั้นแต่ ก.ย. 62 จะรับรู้รายได้เต็มปี ทำให้ทั้งโครงการมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 114 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าในปี 63 เพิ่มขึ้น 11% ตามสัดส่วนการผลิต

“มอง Positive กับหุ้น BCPG และยังคงแนะนำซื้อ โดยเราให้ราคาเป้าหมาย 20 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามหุ้นโรงไฟฟ้าค่อนข้างได้รับผลกระทบจำกัดต่อเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 อาจจะมีกระทบบ้างกับกลุ่มที่ขายไฟให้นิคมอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมต่าง ๆ กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ และได้ผ่าน Bottom ไปแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ยังมองว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าน่าสนใจ” นายเบญจพล กล่าว

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 2/63 ของ BCPG จะเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นช่วง High season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่ง BCPG มีกำลังผลิตจากแสงอาทิตย์ที่ 157 เมกะวัตต์ (MW) หรือคิดเป็นสัดส่วน 34.7% ของกำลังการผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ทั้งหมด ขณะที่รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โครงการ Nam San 3A และ 3B จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนเช่นกัน เนื่องจากได้รับปริมาณน้ำฝนในปลายเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น และจะสูงที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากเป็นช่วง High season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ

อย่างไรก็ตามกำไรปกติในไตรมาส 2/63 จะทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการ Nam San 3A ที่เข้าไปลงทุนเมื่อเดือน ก.ย. 62 และโครงการ Nam San 3B ที่เข้าไปลงทุนเมื่อเดือน มี.ค. 63 ทำให้รับรู้ผลกำไรของ Nam San 3B เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก

ขณะเดียวกันยังคงประมาณกำไรปกติในปี 63 ที่ 1.97 พันล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก การรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการลมลิกอร์ ขนาด 9 เมกะวัตต์เต็มปี ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน เม.ย.62 และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โครงการ Nam San 3A ขนาด 69 เมกะวัตต์เต็มปี รวมถึงรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โครงการ Nam San 3B ขนาด 45 เมกะวัตต์ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 63

ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCPG ให้ราคาเหมาะสมปี 63 ที่ 20.90 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นยังมี Upside กว่า 23% ปัจจุบันซื้อขายบน P/ER ปี 63 ที่ 17.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 19.8 เท่า พร้อมคาดเงินปันผลทั้งปี 63 ที่ 0.65 บาทต่อหุ้น หรือให้ผลตอบแทนที่ 3.7% รวมถึงยังมี Upside จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการ SWAN ประเทศลาว ขนาด 270 เมกะวัตต์ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ

ด้านบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างจำกัด จากการประชุมนักวิเคราะห์ BCPG ได้อัพเดทว่ามีผลกระทบใน 3 ประเทศในมุมของรายได้ค่าไฟฟ้าที่หายไปเล็กน้อยราว 6 ล้านบาท จาก Curtailment ที่ญี่ปุ่น เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำลง สำหรับผลกระทบในมุมอื่น ๆ จะเป็นเรื่องการพัฒนาโครงการใหม่เป็นหลักโดยเฉพาะด้านการก่อสร้างที่ลาวและญี่ปุ่น และมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางสำหรับการเจรจาต่อรองโครงการใหม่ ๆ อยู่บ้าง อย่างไรก็ดีก็มีมุมบวกสำหรับปีนี้ ด้วยที่ได้เลื่อนหยุดซ่อมบำรุงโครงการ Geothermal ที่อินโดนีเซียออกไป ทำให้จะผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นสำหรับปีนี้

อย่างไรก็ตามแม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ BCP ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ปรับลดงบลงทุนของทั้งกลุ่มลง แต่ยังคงงบลงทุนสำหรับ BCPG ไว้เหมือนเดิมที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า สะท้อนถึงมุมมองที่มั่นใจต่ออนาคตที่สดใสของธุรกิจพลังงานทดแทน อย่างไรก็ตามด้วยความล่าช้าจากการเจรจาโครงการใหม่ ๆ ทำให้แผนการใช้เงินจริงส่วนใหญ่ได้ถูกเลื่อนเป็นปีหน้า

นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาวเริ่มผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น BCPG ดูไม่ได้กังวลต่อ Capacity factor (CF) ของโครงการพลังงานน้ำที่ลาวที่ต่ำเพียง 18.2% ในไตรมาส 1/63 โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการปิดซ่อมบำรุง และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ El Nino ทำให้ปริมาณน้ำน้อยกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามตามเหตุการณ์ในอดีตปริมาณน้ำบางปีก็สูงเกินกว่าระดับปกติได้ (La Nina) ซึ่งจะทำให้ CF สูงขึ้นมากในปีนั้น ทั้งนี้ปริมาณน้ำในเดือนเม.ย.-พ.ค. เริ่มปรับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากไตรมาส 1/63 และเริ่มสูงกว่าปีก่อนแล้ว ทำให้มองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อทิศทางกำไรในช่วงที่เหลือของปีนี้

ทั้งนี้ ยังคงคำคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BCPG ด้วยราคาเป้าหมายเดิม 18.30 บาท โดยมองว่าแนวโน้มกำไรของ BCPG จะดีขึ้นในไตรมาสถัด ๆ ไป ตามการผลิตไฟฟ้าที่มากขึ้นของโครงการพลังงานน้ำ ที่ลาวเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ ขณะเดียวกันการขยายตัวผ่าน M&A ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งทิศทางตลาดการเงินโดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยตลาดที่ต่ำยังคงเอื้อสำหรับการลงทุนใหม่ ๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top