นายกฯ ประกาศรัฐบาล New Normal เปิดทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม วอนหยุดเกมการเมือง

  • นายกฯ ประกาศรัฐบาลจะทำงานแบบ New Normal ผนึกทุกภาคส่วนวางอนาคตประเทศไทย
  • นายกฯ ขอให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเสนอวิสัยทัศน์-ความคิดขับเคลื่อนประเทศในสัปดาห์หน้า
  • นายกฯ จะเปิดโอกาสให้ประชาชนประเมินผลการทำงาน-วิจารณ์โครงการภาครัฐ
  • นายกฯ วอนหยุดเกมการเมืองฉุดรั้งความก้าวหน้าประเทศ-ร่วม”รวมไทยสร้างชาติ”
นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ พร้อมรับมือโลกวิถีใหม่ “วิธีการทำงานแบบ New Normal”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศแนวทางการทำงานของรัฐบาลในรูปแบบ New Normal ในช่วงของการก้าวสู่ความท้าทายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะเปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเสนอวิสัยทัศน์และความคิดเพื่อขับเคลื่อนประเทศ และเปิดโอกาสให้ประชาชนประเมินผลการทำงานของภาครัฐ วิพากษ์วิจารณ์โครงการต่าง ๆ พร้อมทั้งเรียกร้องให้หยุดเกมการเมืองที่ฉุดรั้งความก้าวหน้าประเทศ และเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมภารกิจ”รวมไทยสร้างชาติ”

“วันนี้ เรายังต้องเตรียมรับมือกับอีกหนึ่งความท้าทายที่หนักหนาสาหัสกว่า ที่รอเราอยู่ข้างหน้าด้วย นั่นคือ การทำให้คนไทยสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้ดังเดิมอีกครั้ง หลังจากที่วิกฤติโควิดได้ทำลายความสามารถในการหาเลี้ยงปากท้องของคนนับล้านๆ ทำลายธุรกิจทุกขนาด และบังคับให้หลายล้านครัวเรือนต้องนำเงินออมที่เคยเก็บไว้ ออกมาใช้จนหมด ที่แย่ไปกว่านั้น คือทั่วโลกยังคงวิตกกังวล และไม่มีใครรู้ว่า เราจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตกันเหมือนเดิมได้อีกเมื่อใด”

สิ่งที่ผมต้องการคือ ทำให้ประเทศไทยของเรา กลายเป็นตัวอย่างการบริหารที่ดี ในเรื่องการ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ เหมือนกับที่เราเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทั่วโลกยอมรับ ในเรื่องการจัดการด้านสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาให้ได้โดยเร็ว”นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและทั้งประเทศควรจะทำงานในทุกวัน ให้เหมือนกับว่าเราอยู่ในวิกฤติ เราต้องก้าวข้ามเกมการเมือง และลงมือทำงานกันอย่างจริงจัง ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ในฐานะที่พวกเราคือคนที่ประชาชนเลือกให้มาเป็นตัวแทนทำงานบริหารประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

“ทุกคนพูดกันว่า หลังวิกฤติโควิดครั้งนี้ โลกของเราจะเปลี่ยนไป เป็นเหมือนโลกใบใหม่ ที่ไม่เหมือนเดิม และเราจะต้องใช้ชีวิตกันในรูปแบบใหม่ แบบที่เรียกว่า New Normal เพื่อที่จะอยู่รอดและก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งหมายความรวมถึงการทำงานของรัฐบาลด้วยวันนี้ ผมจึงขอประกาศให้ทุกท่านทราบว่า เมื่อเราเข้าสู่โลกใหม่ จากนี้เป็นต้นไป การทำงานของรัฐบาล จะต้อง New Normal ปรับเปลี่ยนเป็นวิธีการทำงานแบบใหม่ด้วย”

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รูปแบบการทำงานแบบ New Normal จะผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย ต่อไปนี้รัฐบาลจะต้องทำงาน โดยดึงทุกภาคส่วน และทุกระดับในสังคม เข้ามามีส่วนร่วม และมีบทบาทมากขึ้น ในการช่วยกันกำหนดอนาคตของประเทศ โดยหลังโควิดจะปรับวิธีการวางแผน และกำหนดนโยบายหรือมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่จะได้รับผลจากนโยบายต่างๆ เหล่านั้น ได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ใช่แค่รับรู้นโยบายต่างๆ จากการอ่านข่าวเหมือนที่ผ่านๆ มา ต่อไปนี้ประชาชนต้องมีโอกาสมีส่วนร่วม รัฐบาลต้องได้ยินเสียงของประชาชน และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ให้มากขึ้น

แนวความคิดนี้เกิดจากในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของวิกฤติโควิดได้เดินทางไปพบปะกับสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ ด้วยตัวเอง ได้รับฟังและหารือกับผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ความเดือดร้อนโดยตรง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก จึงอยากจะต่อยอดวิธีการทำงานแบบนี้ โดยจะเปิดโอกาสให้คนมากมายที่มีความปรารถนาดี และอยากจะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ แต่ไม่เคยมีโอกาสมาก่อน ได้มีโอกาสและมีส่วนร่วมมากขึ้น ต้องทำให้ฟันเฟืองที่สำคัญคือความสามารถของคนในประเทศได้ถูกนำมาใช้ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยของเราให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า จะขอให้แต่ละภาคส่วนเตรียมการเข้ามานำเสนอวิสัยทัศน์ และความคิด ในการเปลี่ยนโฉมและขับเคลื่อนภาคส่วนของท่าน ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าให้ได้ไกลขึ้น และรวดเร็วขึ้นด้วย หลังจากนั้น รัฐบาลจะพิจารณาความเป็นไปได้ ศึกษาข้อดี ข้อเสีย ของข้อเสนอแนะต่างๆ ในวิธีการที่โปร่งใส และเปิดกว้าง ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อหาหนทางที่ดีที่สุด ที่จะดำเนินการโครงการนั้นๆ ให้เกิดขึ้นจริง อย่างมีประสิทธิภาพ และบูรณาการกับภาคส่วนอื่นๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง

นอกจากนั้น อีกสิ่งที่ต้องเปลี่ยน คือ การประเมินผลงานภาครัฐ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริง ซึ่งจะเปลี่ยนระบบประเมินผลการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเพื่อประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของรัฐว่าสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และกำจัดสิ่งที่ทำแล้วเสียเปล่า ไม่มีประโยชน์ ออกไปให้ได้มากที่สุด ดังนั้น จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีบทบาทในการประเมินผล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ให้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลได้รับทราบโดยตรงได้ด้วย

และ อย่างที่สาม ที่ต้องทำ คือ การทำงานเชิงรุก โดยจะกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ให้กับกระทรวงต่างๆ ทำขึ้นมาขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยจะติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นจริง อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผมรู้ว่า เมื่อเราเริ่มทำงานในวิธีการแบบใหม่ อาจจะมีเสียงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย หรือมีการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ซึ่งผมพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และหากเป็นข้อเสนอแนะที่ดี ผมก็พร้อมที่จะทำตามข้อเสนอแนะนั้นด้วย เพราะประชาชนคนไทยรอไม่ได้อีกต่อไปแล้วครับ คนไทยควรจะได้ก้าวไปสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ดังนั้น เราต้องไม่เสียเวลาไปกับการถกเถียงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้วปล่อยให้คนไทย ต้องอดทนรอต่อไปอีกเป็นเดือนๆ ปีๆ หยุดอยู่กับที่ แทนที่จะได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังเรียกร้องให้หยุดเสียเวลาไปกับการคุยเรื่องไม่สร้างสรรค์ ต้องหยุด ไม่ปล่อยให้เกมการเมืองที่ไม่สุจริต บิดเบือนข้อเท็จจริงมาดึงรั้งการก้าวเดินไปข้างหน้าของประเทศโดยไม่จำเป็น เป้าหมายข้างหน้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองของประเทศรอเราอยู่ เส้นทางนี้ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป ถ้าเราทุกคนร่วมมือกัน เพราะฉะนั้น จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้ตัดสินใจร่วมกันวันนี้ ว่าเราจะเดินหน้าภารกิจที่สำคัญนี้ไปด้วยกัน นั่นคือภารกิจ “รวมไทยสร้างชาติ” โดยคนไทยทุกคน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top