สธ.ออกคู่มือแนวปฎิบัติจัดการสถานที่ ‘ศาสนสถาน’ ช่วงโควิด-19

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม จัดทำคู่มือการจัดพิธีทางศาสนาและการจัดกิจกรรมประเพณี เพื่อเป็นแนวทางสำหรับพระภิกษุสงฆ์ นักบวช พราหมณ์ บาทหลวง และประชาชนในการประกอบพิธีทางศาสนา กิจกรรมทางประเพณีในสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

สำหรับแนวทางปฏิบัติศาสนสถานทั่วไป เช่น การจัดเตรียมเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ สำหรับตรวจผู้เข้าร่วมพิธีหรือกิจกรรมก่อนเข้าศาสนสถานหรือสถานที่จัดงานทุกครั้ง อุณหภูมิมากขึ้นกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ขอให้งดเข้าร่วมกิจกรรม จัดทำบัญชีลงชื่อสำหรับผู้เข้าร่วมประกอบศาสนกิจในแต่ละวัน กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้เข้าร่วมพิธี จัดให้มีอุปกรณ์ เครื่องมือจำเป็นเพื่อป้องกันตนเองสำหรับเจ้านหน้าที่ทุกคน จัดเตรียมอุปกรณ์ล้างมือ เช่น แอลกอฮอล์เจลไว้บริเวณทางเข้า กำหนดตำแหน่งที่นั่งในการประกอบพิธี

ส่วนวัดมีข้อปฏิบัติคือ 1.พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 2.จัดให้มีอ่างล้างมือ สบู่ ผ้าเช็ดมือ พร้อมภาพการล้างมือ 7 ขั้นตอน 3.เตรียมโต๊ะสำหรับวางของใส่บาตร 4.กำหนดที่นั่งห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร 5.ประชาสัมพันธ์การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และการล้างมือ 6.จัดชุดจานพร้อมถ้วยใส่อาหารเท่ากับจำนวนพระ (1 ถาด/รูป) 7.จัดปิ่นโตเตรียมสำหรับมื้อเพลรูปละ 1 ชุด 8.กำหนดเส้นทางเข้าออกเพื่อให้การเดินไม่เกิดการหมุนเวียนไปมาสวนทางจนเกิดความแออัด

ในส่วนข้อปฏิบัติสำหรับญาติโยม ได้แก่ 1.สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านและไปทำบุญที่วัด 2.เมื่อมาถึงวัดให้วางของใส่บาตรบนโต๊ะที่จัดไว้ 3.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนร่วมพิธีทางศาสนา 4.เดินตามเส้นทางที่กำหนด (เดินทางเดียว) เว้นระยะห่าง 2 เมตร 5.จัดเตรียมอาหารตักบาตรให้พอดีสำหรับฉัน 1 มื้อ 6.นั่งตามจุดที่กำหนด 7.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนกลับบ้าน

ด้านนพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ควบคุมสถานการณ์โรคได้และมีความเสี่ยงน้อยเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะได้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

“การไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศถือว่าดีมากๆ เราอยู่ระหว่างผ่อนคลาย วันนี้มาถึงระยะที่ 5 ซึ่งกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง อาบอบนวด โรงน้ำชา โรงเรียนซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอม โรงเรียนทุกสังกัด โรงเรียนนานาชาติ กวดวิชาเปิดเกือบ 100% คิดว่าการผ่อนปรนสถานที่เหล่านี้อาจจะมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นประชาชนต้องช่วยกันระมัดระวัง แต่แน่นอนว่ายังมีสถานที่บางประเภทสนามชนโค สนามกัดปลา ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการ กีฬาต่างๆ ยังให้ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โดยเฉพาะมวย ฟุตบอลยังไม่ได้อนุญาตให้จัดการแข่งขัน”

“หวังว่าประชาชนทุกคนจะต้องมีมาตรการที่ปลอดภัย โดยเฉพาะการใส่หน้ากากอนามัยเป็นปัจจัยที่ 6 เมื่อออกนอกเคหสถาน ต้องล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด และอย่าลืมใช้แอปไทยชนะ เช็คอินเข้าสถานที่ต่างๆ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านเสริมสวย รวมทั้งศาสนสถาน และตอนนี้มีการเพิ่มระบบผู้พิทักษ์ไทยชนะซึ่งหวังว่าเจ้าพนักงานควมคุมโรคที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจะเป็นหูตาให้ สธ.ในการเฝ้าดูว่าสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนไปแล้วแต่ไม่ปฏิบัติหรือหย่อนยานในเรื่องของมาตรการความปลอดภัยทั้งหลาย เพราะเราไม่อยากเห็นการระบาดระลอกที่ 2 หรือถ้ามีก็ให้มีในระดับที่สามารถจัดการได้อย่างดี”

นพ.อนุพงศ์ กล่าว

นายอนุพงศ์ กล่าวว่า ยิ่งกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ใช้บริการยิ่งต้องให้ความร่วมมือด้วยการเข้าแอปฯไทยชนะ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการติดตามตัวหากมีผู้หนึ่งผู้ใดไปสถานที่เดียวกันแล้วเกิดป่วย ระบบนี้จะทำให้สามารถได้ชื่อ ติดตามตัวมาตรวจเชื้อได้เร็ว ก็จะควบคุมโรคได้เร็ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top