ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย ขณะ S&P500,Nasdaq ร่วงจากแรงขายหุ้นเทคโนฯ-วิตกยอดโควิดพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียได้สั่งปิดสถานประกอบการบางประเภทอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงบาร์และโรงภาพยนตร์ หลังจากยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,085.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.50 จุด หรือ +0.04%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,155.22 จุด ลดลง 29.82 จุด หรือ -0.94%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,390.84 จุด ลดลง 226.60 จุด หรือ -2.13%

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับข่าวไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี ได้รับสถานะ “fast track” จากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทได้รับการผ่อนคลายกฎระเบียบจาก FDA และส่งผลให้การพัฒนาวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

แต่ดาวโจนส์อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เคลื่อนตัวสู่แดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.09% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 3% หุ้นอินเทล ลดลง 1.60% หุ้น Nvidia ร่วงลง 4.07% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.48% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.74% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 4.10%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากนายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้สั่งการให้ทุกเขตในรัฐ ปิดบาร์ ภัตตาคารที่นั่งรับประทานภายในร้าน โรงภาพยนตร์ และโรงกลั่นไวน์ หลังจากยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้ออกคำสั่งฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อวานนี้ เพื่อกำหนดให้ประชาชนทุกคนที่เดินทางมาจากรัฐที่มียอดติดเชื้อโควิด-19 สูงมากนั้น จะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในรัฐนิวยอร์ก มิฉะนั้นจะถูกปรับเป็นเงิน 2,000 ดอลลาร์

หุ้นเทสลา ปิดตลาดร่วงลง 3.08% หลังจากทะยานขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า เทสลาจะรายงานตัวเลขกำไรเป็นบวกติดต่อกัน 4 ไตรมาส เมื่อทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งจะทำให้หุ้นของบริษัทมีโอกาสถูกนำไปคำนวณดัชนี S&P 500

หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 5.45% เนื่องจากความกังวลที่ว่า การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อแผนการกลับมาให้บริการของคาร์นิวัล

หุ้นเป๊ปซี่โค บวก 0.33% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จากการที่ผู้บริโภคแห่ซื้อเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น ตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 4.05% ขณะที่หุ้น BioNTech ทะยานขึ้น 10.55% หลังทั้งสองบริษัทได้รับสถานะ “fast track” จาก FDA ในการการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยไฟเซอร์ และ BioNTech เปิดเผยว่า หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติจาก FDA ทางบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ และมากกว่า 1.2 พันล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่จะเริ่มรายงานตัวเลขผลกำไรในวันนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการร่วงลง 44% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top