IIG พร้อมเทรดวันแรกพรุ่งนี้ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดีจากกระแส Digital Transformation

นายวิศรุต อังศุภากร ผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบมจ.ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) คาดว่าการเข้าซื้อขายของหุ้น IIG ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) เป็นวันแรก น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังการเสนอขายหุ้น IPO ที่ผ่านมานักลงทุนให้ตอบรับดี ขณะที่ระดับราคา IPO ที่ 6.60 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E ratio ที่ระดับ 12.05 เท่า

IIG เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 25 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท แบ่งเสนอขายให้กับประชาชนจำนวน 14.45 ล้านหุ้น คิดเป็น 57.80% เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย จำนวน 5.55 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.20% และนักลงทุนสถาบัน จำนวน 5 ล้านหุ้น คิดเป็น 20%

บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีนิติบุคคลและจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัท และบริษัทย่อยอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างจากนโยบายที่กำหนด ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียน และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

“IIG เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตสูงจากกระแส Digital Transformation ซึ่งการขยายตัวของผลประกอบการอย่างต่อเนื่องสะท้อนภาพการเป็น Growth Stock ได้เป็นอย่างดี คาดว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันแรกจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน”

นายวิศรุต กล่าว

ด้านนายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ IIG เชื่อมั่นว่าการซื้อขายวันแรกของหุ้น IIG จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ในธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ จะยิ่งทำให้บริษัทแข็งแกร่งพร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต

สำหรับผลประกอบการปี 60-62 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ 50.26% อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 28.31% และ อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 11.42% โดยไตรมาส 1/63 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน ล้านบาท กำไรขั้นต้น 31.84 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.27 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เงินจากการเสนอขายหุ้น IPO จะนำไปใช้พัฒนาและเพิ่มศูนย์พัฒนาซอฟต์แวร์ (Development Center) ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย ,ใช้ก่อตั้ง Innovation Lab ในการวิจัยและพัฒนาแอปพลิเคชันของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งโครงการต่าง ๆ ในอนาคตของบริษัท จะช่วยรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างความเป็นเลิศในการเป็นบริษัทที่ปรึกษาในฐานะ End-to-End Solution Provider แก่ผู้ประกอบการให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลและเติบโตได้อย่างแท้จริง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ส.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top