กยท.ดันไทยเป็นฮับการผลิตถุงมือยางของโลก หลังความต้องการเพิ่ม

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมแปรรูปยางของไทยมีความน่าสนใจมาก โดยเฉพาะถุงมือยาง ซึ่งถือเป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนในกลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปยางของประเทศไทย โดยมีน้ำยางซึ่งมีการผลิตในประเทศเป็นวัตถุดิบหลักผลักดันเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม

คาดว่าจะส่งผลต่อการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยรวม และเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยางของประเทศไทยมีความเข้มแข็งในการเป็นผู้นำการผลิตและการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางของโลก โดยจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตถุงมือยางธรรมชาติของโลก

สำหรับสถานการณ์ถุงมือยางปัจจุบันที่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ หรือมีกระแสข่าวการผลิตถุงมือยางที่ไม่ได้มาตรฐาน สร้างความเสียหายและมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของถุงมือยางไทยที่ส่งไปต่างประเทศ และต่อสายตาผู้บริโภค กยท. จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน เข้มงวด ตรวจจับ และดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ และมาตรฐาน เพื่อควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ยางพาราที่ผลิตและส่งออกของไทยให้ได้มาตรฐานสากลโลก

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ทิศทางความต้องการของถุงมือยางธรรมชาติมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตัวเลขคาดการณ์ในปี 2563 มีความต้องการใช้กว่า 3.6 แสนล้านชิ้น สำหรับการทำตลาดถุงมือยางธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยาง โดยให้ทางรัฐบาลใช้น้ำยางพาราของไทย ซึ่งถือเป็นเบอร์หนึ่งของการส่งออก นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตถุงมือยางพาราแท้ 100% รวมถึงการกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนให้กับต่างชาติที่มีความต้องการตั้งโรงงานผลิตถุงมือยางธรรมชาติในประเทศไทย จะต้องใช้น้ำยางข้นของไทยเป็นวัตถุดิบในการผลิตเท่านั้น

“สร้าง Presenter ที่มีความน่าเชื่อถือ ยกตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนผู้มีชื่อเสียง นำเสนอการใช้ถุงมือที่ผลิตจากยางธรรมชาติผ่านสื่อตามช่องทางต่างๆ สร้างความเชื่อมั่น ใช้ PR Marketing ให้ถุงมือยางพาราจากประเทศไทย เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ สร้างความโดดเด่นของถุงมือยางธรรมชาติ โดยเฉพาะในวิกฤตการณ์ covid 19 สื่อสารให้เกิดการรับรู้ถึงประโยชน์ คุณสมบัติ ข้อดี ของถุงมือยางธรรมชาติ”

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล นายกสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย กล่าวว่า หากอ้างอิงจากปริมาณการส่งออกถุงมือยางของไทย ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8-15% เป็นข้อได้เปรียบและโอกาสที่ดีของผู้ประกอบอุตสาหกรรมถุงมือยางของไทย รวมไปถึงกลุ่มประเทศผู้ใช้ถุงมือยางรายใหม่ที่มีความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ ประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันอออกกลาง

ดังนั้น ภาครัฐต้องช่วยสนับสนุนออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิตถุงมือยางพาราให้มากขึ้น เพื่อใช้สำหรับปรับปรุงเครื่องจักร ขยายกำลังการผลิต ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคให้ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น ซึ่งสินค้าที่ตรงความต้องการส่วนใหญ่ผลิตจากยางธรรมชาติ ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ยางเพื่อเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จึงสูงขึ้นตามไปด้วย หากมีการส่งเสริมให้ใช้วัตถุดิบจากยางธรรมชาติในประเทศไทยให้มากขึ้นจะถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ และเศรษฐกิจของประเทศย่อมดีขึ้นด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top