หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มรีบาวด์ตามตปท.-ราคาน้ำมันฟื้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคฟื้นตัวขึ้นตามตลาดสหรัฐฯ-ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นด้วย ในช่วงรอลุ้นประชุม ECB วันนี้ โดยให้จับตาจะทำ QE เพิ่มหรือไม่ ส่วนบ้านเราทางเทคนิคภาพยังเป็นขาลงหลังยังไม่ผ่าน 1,305 ทำให้มีความเสี่ยงที่จะลงได้อีก ทั้งนี้ วันนี้คงจะเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัว เน้นหุ้นที่อิงการเติบโตเศรษฐกิจ-หุ้นที่ยัง Laggard ส่วนข้อพิพาทจีน-สหรัฐฯยังต้องติดตามดูต่อไป และบ้านเราติดตามการชุมนุมทางการเมืองในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,280 แนวต้าน 1,305-1,300 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวขึ้นตามตลาดสหรัฐฯ และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ดียังต้องรอลุ้นการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้ว่าจะมีการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่มหรือเปล่า เพราะหากมีจะช่วยให้ตลาดฟื้นตัวได้

ส่วนตลาดบ้านเราในทางเทคนิคภาพยังเป็นขาลงหลังจากที่ยังไม่ผ่านแนว 1,305 จุด ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงได้อีก ทั้งนี้ ตลาดฯวันนี้คงจะเป็นลักษณะของการเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัว โดยเน้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจเป็นหลัก และหุ้นที่ยัง Laggard ส่วนเรื่องข้อพิพาทระหว่างจีน และสหรัฐฯก็ยังต้องติดตามดูต่อไป และบ้านเราก็ให้ติดตามการชุมนุมทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า

พร้อมให้แนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,305-1,300 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,940.47 จุด เพิ่มขึ้น 439.58 จุด (+1.60%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,398.96 จุด เพิ่มขึ้น 67.12 จุด (+2.01%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,141.56 จุด เพิ่มขึ้น 293.87 จุด (+2.71%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 27.6 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 160.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 116.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 57.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 29.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.5 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ย.63) 1,293.40 จุด ลดลง 0.40 จุด (-0.03%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 806.32 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.ย.63) ปิดที่ 38.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 3.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.ย.) อยู่ที่ -0.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.25 แข็งค่าตามตลาดโลก หลังดอลล์อ่อน ตลาดจับตาผลประชุม ECB คืนนี้
  • กกร.หวั่นโควิดรอบ 2 ฉุดเศรษฐกิจยาว ชี้ไตรมาส 2 ว่างงานพุ่ง 3.2 ล้านคน เร่งรัฐอุ้มผู้ประกอบการ แนะ บสย.เพิ่มค้ำประกันเป็น 50% “คลัง”เร่งสรุปมาตรการคนละครึ่งเสนอ ศบศ. 17 ก.ย.
  • “สุพัฒนพงษ์” เร่งรื้อหลักเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชน รับซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าชุมชน 100-200 เมกะวัตต์ “กุลิศ” สรุปเงื่อนไขใหม่เสร็จ ก.ย.นี้ เสนอ กพช.ก่อนเปิดยื่นโครงการ ดันพีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงเข้า ครม.อีกครั้ง
  • ททท.เปิดยอดท่องเที่ยว 6 เดือน คนไทยเดินทาง 28 ล้านคน สร้างรายได้ 2 แสนล้านบาท ติดลบ 62% คาดทั้งปีจะมีการเดินทางของตลาดไทยเที่ยวไทย จำนวน 68 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้พุ่ง 4 แสนล้านบาท เล็งเดินหน้าหาพันธมิตรช่วยฟื้นฟู เพิ่มความถี่ จำนวนวันพัก เชื่อปลายปีคึกคัก จ่อผุดโครงการหนุนเที่ยววันธรรมดา
  • THAI รอศาลล้มละลายเคาะแผนฟื้นฟู 14 ก.ย.นี้ ยันเคารพคำตัดสิน พร้อมเตรียมความพร้อมหากต้องดำเนินการเอง คาดใช้เวลา 2-3 เดือนสรุป ยันเจรจากับเจ้าหนี้ตลอดเวลา
  • สภาพัฒน์ เร่งผลักดันงบฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เหลือ 47,308 ล้านบาท พร้อมอัดงบก้อนใหม่ออกกระตุ้นรอบใหม่ แสนล้านบาท เน้นการท่องเที่ยว จ้างงาน เสนอ ครม.สัปดาห์หน้า “ธปท.” ฟุ้งจับมือแบงก์ ช่วยลูกหนี้สู้โควิด-19 แล้ว 7.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12.5 ล้านบัญชี
  • ธปท.เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วยการเลื่อนพักชำระหนี้ ขยายเวลาชำระหนี้ลดอัตราดอกเบี้ย และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ว่า จากการขอให้สถาบันการเงินประเมินสถานการณ์ของลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้ธุรกิจที่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบต่างๆ ล่าสุดพบว่าจะมีลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือในสัดส่วนสูงที่ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือต่อไป เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาช่วยเหลือวันที่ 22 ต.ค.นี้ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องขยายระยะเวลามาตรการดังกล่าวเป็นการทั่วไป

หุ้นเด่นวันนี้

  • MINT (เคทีบี) “ซื้อ”เป้า 28 บาท โดยเหตุผลหลักๆ คือ ของ Occupancy Rate ที่ยุโรปฟื้นตัว (>40%) ความกังวลเรื่องหนี้ที่ลดลง ส่วนธุรกิจอาหารมีการฟื้นตัว จากการกลับมาเปิดร้านอาหารที่นั่งในร้าน โดย SSSG ในเดือน ก.ค. ที่จีนดีขึ้น ส่วนไทยยังทรง ๆ ตัว คาดว่า SSSG จะฟื้นตัวตั้งแต่ Q3/63
  • HANA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 48 บาท แนวโน้มการฟื้นตัวของกำไร H2/63 ดูดีจากจีนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ขณะที่ฝั่งเยอรมนีฟื้นแรง โดยเห็นรายได้จะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปลาย Q3/63 ต่อเนื่อง Q4/63 โดยคาดกำไร H2/63 จะแข็งแกร่งกว่า H1/63 แม้จะยังมีความเสี่ยงเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และความยืดเยื้อของโควิด-19 แต่จุดแข็งของ HANA คือโรงงานที่ Diversify ทั้งด้าน Product และทำเลที่ตั้ง
  • CENTEL (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 28 บาท ราคาหุ้นลดลงมองเป็นโอกาสซื้อเพราะผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ฐานะการเงินแข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มไม่มีความเสี่ยงเรื่องการเพิ่มทุน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top