นายกฯ ติงความขัดแย้งภายในทำลายศักยภาพประเทศ รับข้อเสนอ วปอ.62 ไปสานต่อ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานแถลงแนวทางการพัฒนาประเทศเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 62 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพของทั้ง 3 เหล่าทัพ ประจำปีการศึกษา 2563 โดยระบุว่า ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน จะทำอย่างไรให้สามารถดึงศักยภาพของไทยออกมาให้มากที่สุด โดยไทยเป็นสังคมที่มีรอยยิ้ม ประนีประนอม มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและสมบูรณ์

แต่ปัญหาในปัจจุบัน ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาความขัดแย้งในประเทศ จะเป็นอุปสรรคลดคุณค่าและศักยภาพของไทยลง และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยังถูกนำไปเสนอยังต่างประเทศ และถูกจับจ้องเข้ามา ซึ่งสิ่งนี้เป็นอันตรายที่สุดในขณะนี้

ทั้งนี้ โลกปัจจุบันต้องเผชิญภาวะการแข่งขันทางการค้า สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความแตกแยกและแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดังนั้นความมั่นคงแห่งชาติที่จะเกิดขึ้นได้ จะต้องมีเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่ด้านทหารเพียงอย่างเดียว โดยทั้งหมดต้องรวมเป็นความมั่นคงของชาติ ซึ่งพร้อมรับข้อเสนอของนักศึกษา วปอ. คือ 3 ร. รูปธรรม รวดเร็ว ร่วมมือ ถือเป็นสิ่งที่สังคมต้องการมากที่สุด

เมื่อโลกปรับเปลี่ยน คนทุกรุ่นก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนตัวเองให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ เช่น คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ และต้องรู้จักเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เพื่อสร้างรายได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งไทยจะต้องสร้างความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข และยืนยันว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อบูรณาการกฏหมายให้สามารถดูแลป้องกันการแพร่ระบาดได้ ซึ่งเมื่อดูแลด้านสุขภาพแล้วก็จะต้องมาดูแลเรื่องเศรษฐกิจต่อ เพื่อให้ภาคธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยไม่มีการยกเลิกการจ้างงาน และในอนาคตจะมีการท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา จึงต้องมีมาตรการรองรับ ซึ่งสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ขณะนี้ไทยอยู่ลำดับที่ 122 ของโลก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น

จึงอยากให้ทุกคนได้ย้อนดูว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง เพราะยังมีบางคนวิพากษ์วิจารณ์ และไม่สามารถทำให้ใครพอใจได้ทั้งหมด จึงควรช่วยกันสร้างความเข้าใจ เพราะการสร้างความขัดแย้งจะเป็นสิ่งที่ทำลายศักยภาพของไทยโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งตั้งคำถามว่าจะเอาชนะกันไปเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ใช่หรือไม่ พร้อมอยากให้ทบทวนว่าการที่ตนเองมาทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อ 2 สิ่งนี้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าตนเองมีจุดประสงค์ที่ต้องการทำให้ประเทศมีความสงบสุข มั่นคงและยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า หากไม่เจอสถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเดินไปได้ด้วยดี ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อเริ่มเดินหน้าเศรษฐกิจก็มีการคัดค้าน เช่น ภูเก็ตโมเดล ที่คนในพื้นที่ส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็อยากให้เดินหน้าเศรษฐกิจ นี่คือนิสัยคนไทย แต่อย่างไรก็ตามไม่สามารถต่อว่าคนไทยได้ เพราะรัฐบาลมีเป้าหมายหลักเพื่อประเทศและประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์โรงพยาบาลสระบุรีถูกแฮ็กข้อมูลว่า ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการ Backup และจัดเก็บข้อมูลสำรองไว้ ส่วนค่าเสียหายที่เรียกค่าไถ่คงไม่มีใครจะจ่ายได้ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้รับเรื่องไว้แก้ปัญหาแล้ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top