LST คาดยอดขายปีนี้หด 10% รับพิษโควิดกระทบ

ส่วน UPOIC ทั้งปีปริมาณขายโต 20%

นางสาวอัญชลี สืบจันทรศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ล่ำสูง (ประเทศไทย) (LST) และบมจ.อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (UPOIC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดยอดขายของ LST ปี 63 จะปรับตัวลดลง 10% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 6.45 พันล้านบาท หลังในไตรมาส 2/63 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ซึ่งรัฐบาลได้มีการประกาศล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิว รวมถึงห้ามนั่งรับประมาณอาหารภายในร้านค้า ส่งผลทำให้สินค้าน้ำมันปาล์มที่ขายให้กับอุตสาหกรรมร้านอาหารลดลงถึง 50% รวมถึงการขายให้กับธุรกิจท่องเที่ยวก็ลดลงเช่นกัน แต่ในส่วนของการขายให้กับร้านค้าปลีกยังคงขายได้อย่างต่อเนื่อง และขายดีมากในช่วงที่มีการกักตุนอาหาร

อย่างไรก็ตามมองว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 3.38 พันล้านบาท หลังมีการปลดล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ทำให้ธุรกิจร้านอาหาร ท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเปิดให้บริการได้เกือบปกติแล้ว ซึ่งแม้จะไม่ถึง 100% แต่ก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังวางงบลงทุนในปี 63 ไว้ที่ 160 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายโรงงานผลิตเนย มูลค่า 50-60 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีการนำเข้าเครื่องจักรมาครบแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดตั้งและทดสอบการผลิตได้ เนื่องจากติดปัญหาวิศวกรจากต่างประเทศที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในไทยได้ คาดว่าน่าจะต้องรอไปจนถึงสิ้นปี 63 อีกทั้งจะลงทุนต่อเนื่องในการปรับปรุงคลังสินค้าเดิมที่มีอยู่ โดยแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และในเฟสที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนก.พ.64

นอกจากนี้ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 5 รายการ (SKUs) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน 1 รายการ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์หลักอีก 4 รายการ คาดว่าจะออกมาได้ในช่วงปลายปีนี้ และน่าจะสร้างยอดขายให้กับกลุ่มบริษัทฯ ได้ในปี 64 เป็นต้นไป

สำหรับผลการดำเนินงานของ UPOIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น คาดว่าปริมาณการขายผลผลิตปาล์มปีนี้จะเติบโตได้ 20% จากครึ่งปีแรกปริมาณการขาย เติบโตแล้วกว่า 29% แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าปริมาณการขายน่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจากไม่มีผลปาล์มแล้ว อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ส่งผลดีกับ UPOIC อย่างต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกราคาน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นถึง 63% ขณะที่การส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ของภาครัฐ ก็น่าจะมีผลดีกับ UPOIC ด้วยเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top