ปชป.ผลักดันแก้ไขรธน.เปิดทางมีส.ส.ร. พร้อมนัดถกวิป 3 ฝ่ายก่อนประชุมสภาฯ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวันที่ 23 ก.ย.นี้ว่า พรรคฯมีจุดยืนชัดเจนในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น นับแต่ครั้งที่มีการทำประชามติที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและไม่รับคำถามพ่วงในเรื่องการให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว. ) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อผ่านการทำประชามติเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จึงเป็นหลักการสำคัญของพรรคฯที่จะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 256 ที่จะต้องแก้ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่สามารถแก้ได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ได้ยื่นญัตติต่อรัฐสภาไปแล้วคือ ร่างที่แก้มาตรา 256 และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อให้มีสภาที่มาจากประชาชนมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ เพราะต้องยอมรับว่ามีหลายมาตราที่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น โดยประเด็นต่าง ๆ จะได้มีการนำไปทบทวนใน ส.ส.ร. ต่อไป ซึ่งพรรคฯ ยืนยันที่จะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างที่พรรคฯ ได้ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ยื่นไปแล้ว คือการแก้ มาตรา 256 และให้มีส.ส.ร.

นายราเมศ กล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณวิปทั้ง 3 ฝ่ายที่เห็นด้วยกับแนวคิดของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้มีการประชุมร่วม 3 ฝ่าย คือวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน วิปวุฒิสมาชิก ก่อนการพิจารณาในวาระที่ 1 ในวันอังคารที่จะถึงนี้ เพื่อมุ่งหวังผลสำเร็จ วิปของพรรคนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ จะได้นำเสนอหลักการดังกล่าวและแสวงหาแนวร่วมทั้งจากฝ่ายค้านและฝ่ายวุฒิสมาชิก เพื่อให้มีการแก้ไขตามร่างที่ได้ยื่นต่อรัฐสภาให้เป็นผลสำเร็จต่อไป

สำหรับการชุมนุมทางการเมืองที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ และได้สิ้นสุดลงแล้วในช่วงเช้าวันนี้นั้น ถือว่าการชุมนุมผ่านไปได้โดยไม่มีความรุนแรงใด อาจจะมีบ้างกรณีที่เกิดความวุ่นวายในการเดินทางเข้าไปในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนนี้ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ โดยการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย การเรียกร้องของผู้ชุมนุม ต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต่อรัฐบาล ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ลดลงไป เปลี่ยนไปมุ่งสู่ประเด็นอย่างอื่นแทน ส่วนผลจากการชุมนุมนั้นคงบอกไม่ได้ว่าใครจะต้องรับผิดชอบอย่างไร เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top