ครม.อนุมัติขยายกรอบวงเงินใช้งบรายจ่ายปี 62 เพิ่มเป็น 75% หลังงบฯ 63 ล่าช้า

ครม.อนุมัติขยายกรอบวงเงินการใช้งบรายจ่ายปี 62 เพิ่มเป็น 75% จาก 50% ในระหว่างที่งบปี 63 ยังไม่มีผลใช้บังคับ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติขยายกรอบวงเงินในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 62 ไปพลางก่อนเพิ่มเติม ในระหว่างที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้

โดยจากเดิมที่ ครม.ได้เคยมีมติไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค.62 ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 62 แก่หน่วยรับงบประมาณได้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง หรือ 50% นั้น ให้เพิ่มเป็น 3 ใน 4 หรือ 75% ของแผนงานและรายการตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 62

คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล (ภาพ: thaigov.go.th)

“เนื่องจากเหตุการณ์ในขณะนี้ อาจจะมีโอกาสให้การใช้งบประมาณปี 63 ต้องล่าช้าออกไป โดยยังไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาได้ วันนี้ ครม.จึงอนุมัติขยายกรอบวงเงิน และรับทราบหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 62 ไปพลางก่อนเพิ่มเติมจากมติครม.เมื่อวันที่ 27 ส.ค.62 โดยสาระสำคัญ คือ ให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่หน่วยรับงบประมาณได้เพิ่มเป็น 3 ใน 4 หรือ 75% จากเดิมที่ไม่เกินกึ่งหนึ่งหรือ 50% ของแผนงานและรายการตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 62” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ

โดยการขยายกรอบวงเงินการใช้งบปี 62 ไปพลางก่อนนั้น จะอนุมัติให้เฉพาะกรณี ได้แก่ 1.กรณีที่เป็นรายจ่ายตามข้อผูกพันสัญญา และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล 2.กรณีที่ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่รัฐบาลทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และ 3.สำหรับภารกิจพื้นฐาน หรือภารกิจที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่หากไม่ดำเนินการ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการแผ่นดิน

“สำนักงบประมาณ มีอำนาจในการจัดสรรงบประมาณได้ตามความจำเป็น แต่ไม่เกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายในแต่ละแผนงาน และแต่ละรายการ ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 62 เฉพาะในกรณีที่กล่าวมา” นางนฤมลระบุ

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมติรวมถึงรายการผูกพันงบรายจ่ายข้ามปีที่ได้สัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว กรณีที่งบประมาณรายจ่ายของปี 62 ในรายการดังกล่าวไม่เพียงพอใช้จ่ายตามข้อผูกพันที่ต้องจ่ายในปี 63 ให้ใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายปี 63 ของหน่วยรับงบประมาณที่จะต้องไปหักออกจากแผนงานและรายการที่ได้รับจัดสรร เมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 มีผลใช้บังคับ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้ให้แนวทางในการใช้จ่ายงบประมาณที่มีในปัจจุบันให้ตรงกับแผนงานและกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยเน้นไปยังกลุ่มที่ศักยภาพในแต่ละชุมชม ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและช่องทางทางการตลาด พร้อมกับร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาชน และผู้นำชุมชนในพื้นที่ด้วย

พร้อมทั้งได้สั่งการไปทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม หารือร่วมกันในการช่วยจัดหาอุปกรณ์และเครื่องจักร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 63)

Tags: , , ,
Back to Top