WHAUP คาดผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวหลังโควิดคลี่คลาย-ขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานทดแทน

นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ภายหลังจากสถานการณ์ภัยแล้งและโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

โดยธุรกิจสาธารณูปโภค ลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มปิโตรเคมีได้กลับมาดำเนินงานตามปกติ และลูกค้าใหม่ก็มีการเริ่มการผลิตทำให้ความต้องการใช้น้ำกลับมาเพิ่มสูงขึ้น คาดว่ายอดขายน้ำรวมทั้งไทยและเวียดนามในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 120 – 130 ล้านลูกบาศก์เมตร จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 57 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัด (Reclaimed Water), การผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) โดยในครึ่งแรกของปี 63 ได้มีการเปิดดำเนินงาน Reclamation Plant กำลังผลิต 5,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเพื่อผลิตน้ำอุตสาหกรรมเกรดสูง (Premium Clarified Water)

ขณะที่ก็เตรียมเปิดดำเนินการโครงการใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Reclamation Plant ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยกำลังผลิต 25,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) และโรงงานผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ เฟส 2 เพื่อให้บริการแก่บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4/63

ธุรกิจพลังงาน บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจพลังงานทดแทนควบคู่กับการพัฒนาโซลูชั่นด้านพลังงานรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ต้นปี 63 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโดยมีกำลังการผลิตรวมแล้วทั้งสิ้น 11 เมกะวัตต์ โดยมีแผนเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเติมอีกราว 15 – 20 เมกะวัตต์ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปี 63 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 592 เมกะวัตต์ จากปี 62 ที่มีกำลังการผลิตเท่ากับ 559 เมกะวัตต์

นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการทดสอบ P2P Energy Trading Platform โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนร่วมกับพันธมิตร เพื่อให้บริการภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ และพันธมิตรอยู่รsหว่างการศึกษาช่องทางการเชื่อมต่อกับ platform ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยบริษัทฯ มีแผนยื่นผลการทดสอบเพื่อเข้าร่วมโครงการทดลองนวัตกรรมพลังงานของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ ERC Sandbox ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 4/63 จะมีความชัดเจนในรายละเอียดเพิ่มขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top