ราคาทองมีลุ้นถึง 3 หมื่นบาทอีกครั้ง ก่อนขยับแตะ 3.4 หมื่นบาทปี 64

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก คาดว่าราคาทองคำในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ มีโอกาสกลับทดสอบ 2,000 เหรียญ หรือ 2,070 เหรียญได้อีกครั้งหนึ่ง หรือหากเทียบเท่าราคาทองคำไทยอาจจะอยู่บริเวณใกล้เคียง 30,000 บาท/บาททองคำ

โดยมีปัจจัยหนุนมาจากกรณีที่ยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 หรือหากมีวัคซีนดังกล่าวแล้ว ก็น่าจะใช้เวลาในการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง และกว่าจะเข้ามาในประเทศไทยได้ก็น่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง รวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย เนื่องด้วยนโยบายของทรัมป์จะยังสนับสนุนการทำเทรดวอร์ต่อเนื่อง อีกทั้งเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐด้วย ซึ่งเม็ดเงินอัดฉีดในปัจจุบันก็ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ราคาทองคำในระยะกลาง-ยาวยังปรับตัวขึ้นได้อยู่ แต่ก็ยังมีความผันผวนอยู่ในระยะสั้น

ขณะที่หากนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดว่าจะกดดันต่อราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงไปราว 50 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องด้วยไบเดน จะมีการทำนโยบายที่ไม่ค่อยทำอะไรมากนัก ไม่เหมือนกับทรัมป์

“เรามองว่าในระยะกลางราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้น แม้ปัจจุบันราคาทองคำปรับตัวลงไปบ้าง ซึ่งการปรับตัวลงนี้ก็มองเป็นโอกาสเข้าซื้อ โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,800-1,850 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 27,000-27,500 บาท/บาททองคำ ซึ่งปัจจัยกดดันจะมาจากการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ได้สำเร็จ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงในระยะสั้น ซึ่งน่าจะกดดันราคาทองคำให้ปรับลดลงราว 100 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์” นายณัฐพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ และสิ่งที่สำคัญที่คาดว่าจะต้องมีในช่วงปลายปี 63 โดยในเรื่องแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางสหรัฐฯมีแนวโน้มจะหนุนให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งการที่เฟดมีการอัดฉีด QE มาแล้วอีก 4 ล้านล้านเหรียญปีนี้ ที่รวมของเดิมแล้วประมาณ 7 ล้านล้านเหรียญ และ คาดว่าน่าจะมีการอัดฉีดเพิ่มอีก 1.5 ล้านล้านเหรียญ

ขณะที่การตกลงกันระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ยังมีความสับสนไม่แน่นอน ทำให้ดอลลาร์มีการแกว่งตัว และราคาทองคำมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก ซึ่งราคาทองคำน่าจะมีการ Bottom out จากการปรับฐานในช่วงเดือนส.ค. – ก.ย. โดยมีการ U-Turn กลับบริเวณ 1,850 เหรียญ

ส่วนในปี 2564 คาดว่าราคาทองคำน่าจะขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 10% จากปี 2563 ที่คาดว่าทั้งปีจะขึ้นได้ประมาณ 28% ซึ่งหากประเมินว่าราคาทองคำในช่วงสิ้นปีจะจบที่ประมาณ 2,000 เหรียญ ก็คาดว่าปีหน้ามีโอกาสเห็นราคาทองคำขึ้นเหนือ 2,200 เหรียญขึ้นไปถึง 2,300 เหรียญ จากปัจจัยการเกื้อหนุนของทองคำจะมีอย่างมากต่อไป

สำหรับราคาทองคำไทยปีหน้าเมื่อวิเคราะห์จากภาพขององค์รวมแล้ว ยังคิดว่าราคาทองคำน่าจะสามารถปรับขึ้นและทองคำไทยในปีหน้ามีโอกาสที่จะเห็นทองคำแตะที่ระดับ 33,000 – 34,000 บาท/บาททองคำ ขณะที่ทองคำตลาดโลกน่าจะมีความผันผวน +/- ระหว่าง 2,000 – 2,300 เหรียญ/ออนซ์

สำหรับกรณีนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดเสรีด้านการลงทุนทองคำผ่านระบบออนไลน์ด้วยสกุลเงินอื่น เช่น ดอลลาร์ , หยวน เป็นต้น ผ่านบัญชี FCD คาดว่าจะเริ่มประกาศใช้ทันอย่างเป็นทางการในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันรอกระทรวงการคลังอนุมัติ ซึ่ง MTS Gold พร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที

นพ.กฤชรัตน์ กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ MTS Gold Blockchain (MGB) หรือการออมทองรูปแบบระบบ Blockchain ขั้นต่ำ 150 บาท ปัจจุบันมีบัญชีออมทองแล้ว 1 หมื่นบัญชี และมียอดซื้อขายมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่งปี 64 บริษัทฯ คาดหวังมียอดการเปิดบัญชีรวมแตะ 5 หมื่นบัญชี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (7 ต.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top