NRF คาดยอดขายปีนี้โต 15-20% โควิดหนุนดีมานด์ มั่นใจแตะ 3 พันลบ.ในปี 67

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) เปิดเผยหลังจาก NRF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก โดยบริษัทคาดว่ายอดขายปีนี้จะเติบโต 15-20% จากปี 62 ที่มียอดขาย 1,111 ล้านบาท ได้รับปัจจัยหนุนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐและยุโรปที่ยังมีการแพร่ระบาดอยู่

ขณะที่บริษัทยังคงมั่นใจเป้าหมายที่จะผลักดันรายได้ให้เติบโตแตะ 3,000 ล้านบาทภายในปี 67 โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากในประเทศให้เป็น 3-5% จากปัจจุบันที่บริษัทส่งออกทั้งหมด 100%

“เราเชื่อว่าหลังจากที่พฤติกรรมการบริโภคของคนปรับเปลี่ยนไป แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะหายไป ซึ่งทำให้สินค้าของบริษัทเป็นที่ต้องการมากขึ้น โดยคาดว่าจะหนุนให้ยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายแดน กล่าว

สำหรับแผนขยายการลงทุนในปี 63-65 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,068 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Ethnic Food มูลค่าเงินลงทุนรวม 270 ล้านบาท เช่น ขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงกระบวนการผลิตของบริษัท และ City Food 1 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 35% จากปัจจุบันมีกำลังผลิต 19,000 ตันต่อปี

นอกจากนี้บริษัทมีแผนเข้าซื้อหุ้นที่เหลืออีก 85% จากบริษัท ซิตี้ฟู้ด จำกัด ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้าได้เข้าลงทุนในสัดส่วน 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยมีโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม และจังหวัดราชบุรี

ขณะที่การลงทุนกลุ่มอาหารโปรตีนจากพืช (Plant based Food) คาดใช้เงินลงทุนมูลค่ารวม 408 ล้านบาท แบ่งเป็น การสร้างโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชในประเทศไทย การเข้าซื้อโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชในประเทศอังกฤษและสหรัฐฯ โดยร่วมทุนกับ THE BRECKS COMPANY LIMITED หรือ “เบรคส์” เพื่อจัดตั้งบริษัท Plant and Bean Ltd. ที่ประเทศอังกฤษ โดยปัจจุบัน NRF ถือหุ้นในสัดส่วน 25% และบริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มอีกสัดส่วน 25% รวมเป็น 50% จะเห็นได้ในช่วงปี 64

ด้านการลงทุนเพิ่มใน Big Idea Venture และ New Protein Fund I เพื่อได้รับโอกาสในการเพิ่มลูกค้า โดยการเป็น preferred co-packer ให้กับสตาร์ทอัพ พร้อมทั้งได้รับความรู้และเทคโนโลยีล่าสุดของอุตสาหกรรม และลงทุนในเครื่องจักรผลิตเส้นบุกเครื่องที่ 2 เพื่อขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาส 4/63

ส่วนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Functional Products หรือ ธุรกิจผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (V-shapes) โดยมีแผนร่วมลงทุนเครื่องจักร V-shape อีก 5 เครื่อง ใช้เงินลงทุนกว่า 90 ล้านบาท หลังบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญากับ Fluid Energy Group LTD ผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บริการเครื่องจักร V-shape สำหรับผลิตสินค้า Sanitization เพื่อจำหน่ายในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และแถบตะวันออกกลาง และลงทุนใน E-Commerce Platform รวมกว่า 300 ล้านบาท

โดยจะร่วมทุนกับ Boosted ECommerce Inc. (Boosted) ใน 2 รูปแบบ คือ ลงทุนในกลุ่มบริษัท Boosted Ecommerce Inc. (Boosted) เพื่อบริหารจัดการธุรกิจ e-commerce ของ Third-party seller บน Amazon e-commerce platform และร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อลงทุนใน Consumer Package Goods ในอุตสาหกรรมอาหาร (รวมถึง pet food)

ด้านนางสาวเพ็ญอุไร ไชยชัชวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน NRF เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการส่งออกต่างประเทศ 100% ซึ่งมียอดขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ประมาณ 99% ซึ่งปกติค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐขึ้นลงทุก 1 บาทจะกระทบอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 1%

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว บริษัทจึงเจรจากับลูกค้าในยุโรปเพื่อเปลี่ยนมารับชำระเงินเป็นสกุลเงินยูโร จากปัจจุบันที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 63-ไตรมาส 1/64 จะมีสัดส่วนยอดขายเป็นสกุลเงินยูโรเพิ่มเป็น 15-20% จากปัจจุบันมีสัดส่วนต่ำกว่า 0.1% ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าสหรัฐ 30%, ยุโรป 30% และที่เหลือเป็นเอเชียและอื่นๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top