ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ วิตกโควิด-แผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐไม่คืบ

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ

  • ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,240.74 จุด ลดลง 10.38 จุด, -0.32%
  • ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,376.96 จุด ลดลง 117.38 จุด, -0.50%
  • ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,839.97 จุด ลดลง 78.81 จุด, -0.32%
  • ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 12,867.77 จุด ลดลง 41.26 จุด, -0.32%
  • ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,328.66 จุด ลดลง 15.25 จุด, -0.65%
  • ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,515.33 จุด ลดลง 7.98 จุด, -0.32%
  • ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,492.11 จุด ลดลง 2.5 จุด, -0.17%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เปิดเผยว่า สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กว่า 83,000 รายทั้งในวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันศุกร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 83,700 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากกว่าเมื่อกลางเดือนก.ค. ซึ่งขณะนั้นพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 77,300 ราย

ขณะที่หลายประเทศในยุโรปซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ประกาศใช้มาตรการคุมเข้มครั้งใหม่เพื่อสกัดโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วทวีป โดยฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวในภูมิภาคส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 น. – 6.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ขณะที่อิตาลีจำกัดเวลาการเปิดบริการของร้านอาหารและผับบาร์ไปจนถึงวันที่ 24 พ.ย. และสเปนประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 15 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่สามารถออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. เนื่องจากมีหลายประเด็นสำคัญที่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top