หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์-อิงลง กังวลศก.รับผลกระทบจากโควิดระบาด

นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยไทยเช้านี้แกว่ง Sideway Down คล้ายตลาดภูมิภาคที่เช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง หลังไร้ปัจจัยบวกหนุน ขณะเดียวกันกังวลเศรษฐกิจจะรับผลกระทบจากโควิดระบาดในต่างประเทศจนทำให้เกิดล็อกดาวน์ขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันร่วงแรง 2 วันซ้อน เล็งกระทบดัชนีฯ-กำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/63 อีกทั้งยอด Short Sell เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ด้วยจึงต้องระวัง พร้อมให้ติดตามแบงก์ชาติประกาศตัวเลขเศรษฐกิจงวดก.ย.ในวันนี้ โดยให้แนวรับ 1,195-1,180 แนวต้าน 1,205 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down คล้ายกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงราว -0.3% ถึง -0.4% เนื่องจากตลาดไม่มีปัจจัยบวก ขณะเดียวกันก็มีความกังวลเศรษฐกิจที่จะต้องรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดในต่างประเทศจนทำให้เกิดการล็อกดาวน์

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง 2 วันติดต่อกัน ซึ่งจากการประเมินพบว่า ราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงทุก 1 เหรียญฯ จะส่งผลต่อดัชนีให้มีการเปลี่ยนแปลง 10 จุด และกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็จะเปลี่ยนแปลงเกือบ 3 พันล้านบาท หากราคาน้ำมันปรับตัวลงแบบนี้ก็จะกระทบกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/63 ได้

อีกทั้ง ยอด Short Sell ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ด้วย ดังนั้นจะต้องระวังให้ดี พร้อมให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในเดือนก.ย.ที่แบงก์ชาติประกาศวันนี้ และติดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยุโรปงวดไตรมาส 3/63 ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,195-1,180 จุด ส่วนแนวต้าน 1,205 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,659.11 จุด เพิ่มขึ้น 139.16 จุด (+0.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,310.11 จุด เพิ่มขึ้น 39.08 จุด (+1.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,185.59 จุด เพิ่มขึ้น 180.72 จุด (+1.64%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.11 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 11.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 11.56 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 50.70 จุด, ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.9 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ต.ค.63) 1,201.64 จุด ลดลง 6.30 จุด (-0.52%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,178.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ต.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ต.ค.63) ปิดที่ 36.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 3.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ต.ค.63) อยู่ที่ 1.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.15/19 แนวโน้มทรงตัวกรอบแคบ ให้กรอบ 31.10-31.30
  • คลังชี้สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้ดีขึ้นเหลือติดลบ 7.7% จากติดลบ 8.5% รับปัจจัยบวก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวแกร่ง หนุนภาคส่งออก ขณะที่เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจปลุกกำลังซื้อ-ลงทุนเอกชน ในประเทศกระเตื้องชัดเจน ด้านแบงก์ชาติผ่อนเกณฑ์ซอฟท์โลนเปิดทางบสย. ค้ำประกันหนี้ 3-10 ปี
  • ธปท.เปิด 3 หลักเกณฑ์ใหม่ คุมคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้-ตัดหนี้ ห้ามบวกดอกเบี้ยผิดนัดเกิน 3% และคิดเฉพาะงวดที่ชำระไม่ได้เท่านั้น หวังลดภาระลูกหนี้ ลดโอกาสเกิดหนี้เสีย เริ่ม 1 เม.ย.ปีหน้า
  • บอร์ด กนอ.อนุมัติตั้งนิคมฯร่วมเอกชนใหม่ 2 แห่งพื้นที่อีอีซีรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เอส-เคิร์ฟ และนิว เอส-เคิร์ฟ ในจังหวัดชลบุรี-ระยอง คาดสร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 7 หมื่นล้าน จ้างงานเฉียด 2 หมื่นคน ช่วยสร้างงานในชุมชน กระจายรายได้สู่ภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล
  • นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า วันนี้ (30 ต.ค.) จะเข้าหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เพื่อเสนอให้พิจารณาปลดล็อกเงื่อนไขโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค.64 เพื่อกระตุ้นกระแสการเดินทางและยอดการใช้สิทธิ์จองห้องพักให้ถึงเป้าหมาย 5 ล้านคืน

หุ้นเด่นวันนี้

  • SPALI (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 17.70 บาท ประเมินกำไร Q3/63 +173% Q-Q, -10% Y-Y โดยได้แรงหนุนจากการเริ่มโอนคอนโดใหม่และรับรู้ Backlog แนวราบต่อเนื่องจาก Q2/63 โมเมนตัมกำไร Q4/63 คาดเร่งขึ้นต่อ Q-Q และเป็นจุดสูงสุดของปี โดยคงประมาณการกำไรปี 2563-2564 -17% Y-Y และ +16% Y-Y ตามลำดับ แต่คาดมี Upside จากกำไรพิเศษจากการขาย Supalai Grand Tower เข้า SPALIRT ปีหน้าราว 1.5-1.7 พันลบ.
  • SINGER (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 17.7 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/63 โตต่อเนื่อง จากแรงหนุนในทุกธุรกิจ, การขายเครื่องใช้ไฟฟ้าปิดห้างไม่กระทบเพราะมีคนขายตามจุดย่อยในทุกอำเภอ, HP แบงก์ชาติคลุมดอกเบี้ยไม่กระทบเพราะยังคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราต่ำ
  • STA (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 20 บาท แนวโน้มผลกำไรของ STGT (STA ถือหุ้น 50.75%) มีการเติบโตสูงตามความต้องการถุงมือยางที่เพิ่มขึ้นขณะที่ราคายางพารา (ยางแผ่น) ในตลาด Tocom พุ่งขึ้นไปถึง 316 เยน/กก. หรือกว่า 90 บาท/กก. ทั้งนี้ราคายางพาราที่สูงขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการยางและถุงมือยาง เพราะความต้องการถุงมือยางที่เพิ่มขึ้นจากการกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด-19 ขณะที่อีกปัจจัยหนึ่งโดยประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดผู้รับซื้อยางรายใหญ่ของโลก มีมาตรการสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตรถยนต์ทำให้ยอดสั่งซื้อยาง เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตล้อยางและชิ้นส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้น ราคายางยังมีแนวโน้มที่ดีในไตรมาส 3 และ 4

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top