บช.น.ดีเดย์ทดลองตั้งจุดตรวจแอลกอฮอล์แบบใหม่หน้า สน.ทองหล่อ 4 ทุ่มคืนนี้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้หมายให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ตั้งจุดตรวจทดลองวัดแอลกอฮอล์ของ สน.ทองหล่อ บริเวณหน้าสถานีตำรวจ ในเวลา 22.00 น.ของวันนี้

สำหรับรูปแบบการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ของสถานีตำรวจขนาดใหญ่ จะใช้กำลังตำรวจ 12 นาย ประกอบด้วย หัวหน้าชุด 1 นาย ชุดคัดเลือกรถเพื่อมาตรวจสอบ 2 นาย ชุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 3 นาย ชุดป้องกันการหลบหนี 4 นาย ชุดคุ้มกันเจ้าหน้าที่ตรวจวัดแอลกอฮอลล์ 1 นาย ชุดควบคุมผู้ต้องหา จำนวน 1 นาย

โดยมีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

  1. หลักการและแนวทางในการตั้งจุดตรวจ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับ ผบก.ขึ้นไป ละมีแผนการปฎิบัติที่ชัดเจน จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ต้องมีป้ายแสดงถึงมาตรฐานการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตั้งไว้ตรงบริเวณใกล้โต๊ะตรวจวัดในลักษณะที่ผู้รับการตรวจวัดมองเห็นได้ชัดเจน
  2. การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้
  3. แนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันการทุจริต จัดโต๊ะสำหรับตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบยืนยันผลให้มีแสงสว่างมากพอ มีป้ายไว้ตรงบริเวณจุดตรวจวัดฯ มีข้อความว่า “จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ สน./สภ… มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิตอลไว้เป็นหลักฐาน เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นมาตรฐานสากล”

เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติแล้ว ให้หัวหน้าจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ รายงานผลการปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ให้หัวหน้าสถานีตำรวจจัดทำระบบจัดเก็บไฟล์ภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิตอลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจวัดฯ ในภายหลัง

และจัดให้มีแผ่นป้ายแสดงข้อความว่า “หากพบเจ้าหน้าที่ทุจริต หรือประพฤติมิชอบให้แจ้งผู้บังคับการ โทร.(ให้ใส่หมายเลขโทรศัพท์มือถือของ ผบก.ไว้) หรือ แจ้งร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ สายด่วน หมายเลข 1599” ข้อความดังกล่าวข้างต้นให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร

ทั้งนี้ เมื่อคณะได้ทำการตรวจสอบการตั้งจุดตรวจทดลองในครั้งนี้แล้ว จะทำการพิจารณาเพื่อสรุปข้อมูลว่าการตั้งจุดตรวจเป็นไปตามแนวทางของ ผบ.ตร.ที่ได้มอบนโยบายไว้หรือไม่ ซึ่งหากเป็นไปตามแนวทาง จะได้นำเสนอเพื่อกำหนดเป็นแนวทางให้ทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (4 พ.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top