นายกฯ ห่วงสถานการณ์การเมืองกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ทำไทยเสียโอกาส

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา และปาฐกถาในงานสัมมนา “ภาคธุรกิจไทยในวิถียั่งยืน” ว่า ภาคเอกชนมีความสำคัญต่อการร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน สิ่งสำคัญวันนี้คือต้องนำเรื่องไกลตัวเข้ามาใกล้ตัว ขณะที่รัฐบาลพยายามสร้างความเท่าเทียมที่หมายถึงการให้ทุกคนเข้าถึงทรัพยากร โอกาส การรับบริการ และใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลพยายามที่จะขับเคลื่อนประเทศด้วยการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่ประเทศไม่เคยมีการลงทุนในลักษณะนี้มานานแล้ว เพราะประเทศไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเพิ่มสัดส่วน GDP ในทุกกลุ่มอาชีพ พร้อมกับส่งเสริมการลงทุกจากต่างประเทศ ที่ต้องพิจารณาสิทธิพิเศษ สร้างแรงจูงใจบนพื้นฐานที่ประเทศไม่ต้องเสียประโยชน์

ทั้งนี้ รัฐบาลได้นำสถานการณ์ที่เกิดจากโควิด-19 มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหลายอย่าง และพยายามประคับประคองให้ธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อไม่ให้เกิดการเลิกจ้างงาน ซึ่งแต่ละประเทศมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะเรื่องเม็ดเงินที่ใช้ดูแลประชาชน ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถทำได้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชนทั้งหมด เพื่อร่วมกันหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศ และแผนนี้จะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้การขับเคลื่อนประเทศจะมีอุปสรรค แต่ไทยก็มีโอกาสมหาศาล เช่น การเป็นศูนย์กลางภูมิภาค และจะต้องไม่มีใครทำลายเสถียรภาพของประเทศ

“นักลงทุนอยากมาลงทุน แต่ยังตีกันไม่เลิก นักลงทุนก็ไม่กล้ามาลงทุน วันนี้ไม่ได้ห่วงสถานะตัวเอง ไม่ได้ห่วงในตำแหน่ง และไม่ได้อยากมีอำนาจ ผมมีอำนาจเหมือนไม่มีอำนาจ อำนาจผมไม่ต้องการ ผมต้องการเข้าใจและความร่วมมือ ที่ผมพูดทุกวันนี้ ทุกคนบอกพูดเยอะ แต่ก็อยากระบายให้ฟังว่าเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง…วันนี้หลายเรื่องเอามาพันกัน จนมีปัญหาทุกเรื่อง ทั้งที่สิ่งดีๆ มีเยอะ ผมไม่ใช่ศัตรูกับสื่อ แต่จะรอดูการพาดหัว ผมไม่ได้จำกัดความคิด แต่ต้องระวัง ไม่ใช่ระวังผม แต่ประเทศชาติจะวุ่นวายและมีปัญหา”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงปัญหาต่างๆ ว่าทุกอย่างมีขั้นตอน มีกฏหมาย ซึ่งตนก็กลัวติดคุก แต่บางคนไม่กลัว กฏหมายเป็นส่วนสำคัญที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกัน ปัญหามีไว้ให้แก้ อยากให้ไปดูต่างประเทศ ที่ในอดีตมีความขัดแย้งกัน ทั้งสงครามโลก ควรจะนำบทเรียนประวัติศาสตร์มาเรียนรู้ และนำมาเป็นบทเรียน แต่ของไทย เอาไปเขียนเอาไปคิดแล้วไปรบกันในโซเซียล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คือการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ใช่แค่คนในปัจจุบันหมายถึงลูกหลานในอนาคตด้วย อะไรต้องรับฟังความคิดเห็นแล้วนำมาปฏิบัติ อะไรที่ทำไม่ได้ก็ต้องอธิบายและชี้แจงให้เข้าใจ ส่วนตัวเข้าใจคนรุ่นใหม่ที่คนคิดไว และเกิดมาในช่วงที่ทุกอย่างมีความพร้อมแล้ว เช่น มีรถไฟฟ้า จึงต้องการเรียกร้องในสิ่งที่ดีกว่า แต่ไม่ได้รู้ว่า กว่าจะได้มาถึงทุกวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

พร้อมย้ำว่า “ลุงแก่แล้ว อาจคิดไม่ทันพวกเธอ แต่ไม่ว่าอย่างไร ประเทศจะเจริญหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทุกคน”

นายกรัฐมนตรีระบุ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ที่มีการเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกเมื่อช่วงเช้า จนทำให้ระบบล่มว่า ประชาชนมีความพึงพอใจกับโครงการของรัฐ แต่เมื่อลงทะเบียนไม่ได้ ก็โทษว่ารัฐบาลแย่ อยากให้เข้าใจว่า AI ก็เหมือนคน เมื่อเข้ามามากๆ ก็ทำไม่ทัน แต่ไม่ว่าอย่างไร รัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหา และดูแลประชาชนต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top