สภาพัฒน์ลดคาดการณ์ GDP ปี 63 เหลือโต 1.5-2.5%

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 63 ลงเหลือ 1.5-2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2.7-3.7%

โดยมีปัจจัยหลักกดดัน คือ การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ปัญหาภัยแล้ง และความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายปี 63

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจและการค้าโลกตามการลดลงของแรงกดดันจากมาตรการกีดกันการค้าและความเสี่ยงจากการแยกตัวของสหราชอาณาจักรแบบไร้ข้อตกลง รวมถึง การขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ แรงขับเคลื่อนจากมาตรการภาครัฐ และฐานการขยายตัวที่ต่ำในไตรมาสสุดท้ายของปี 62

สภาพัฒน์ คาดว่าในปี 63 มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัว 1.4% การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวม จะขยายตัว ในอัตรา 3.5% และ 3.6% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.4-1.4% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5.3% ของ GDP

ขณะที่สภาพัฒน์ เห็นว่า ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงปี 63 ควรให้ความสำคัญกับ

  1. การประสานนโยบายการเงินการคลัง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก และสนับสนุนการฟื้นตัวและการขยายตัวในครึ่งปีหลัง
  2. การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้สามารถกลับมาขยายตัวในครึ่งปีหลัง โดยมีจำนวนและรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีไม่ต่ำกว่า 37.0 ล้านคน และ 1.73 ล้านล้านบาท ตามลำดับ โดยให้ความสำคัญกับ การยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าปรับให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส, การรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น, การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี, การพิจารณาวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีแรก โดยไม่กระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจ และการติดตามขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว
  3. การขับเคลื่อนการส่งออกให้สามารถกลับมาขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2.0% (ไม่รวมทองคำ) โดยการขับเคลื่อนแผนการส่งออกปี 63, การให้ความสำคัญกับการส่งออกสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการเบี่ยงเบนทางการค้า และ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัส, การให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตและการค้าไทย-จีน และการเร่งรัดการเจรจาความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ
  4. การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ โดยการเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 งบประมาณเหลื่อมปี และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่ต่ำกว่า 91.2% 70.0% และ 75.0% ตามลำดับ
  5. การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยการติดตามและขับเคลื่อนมาตรการเพื่อสนับสนุนการลงทุน, การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ, การเร่งรัดการเจรจาความร่วมมือทางการค้าที่สำคัญ ๆ และการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการต่างชาติ
  6. การดูแลผู้มีรายได้น้อย ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเกษตรกรที่ทำงานในภาคบริการในช่วงนอกฤดูกาลเพาะปลูกและฤดูกาลเก็บเกี่ยว, กลุ่มพนักงานในสาขาการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง, กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs, การเร่งรัดเบิกจ่ายเงินชดเชย และการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และการบริหารจัดการน้ำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 63)

Tags: , , ,
Back to Top