หุ้นแบงก์ขยับขึ้นยกแผง ขานรับ ธปท.ไฟเขียวจ่ายปันผลได้

กลุ่มแบงก์ราคาขยับขึ้นยกแผง โดยเมื่อเวลา 10.08 น.หุ้นที่ขึ้นนำได้แก่

  • หุ้น SCB บวก 3.14% มาอยู่ที่ 82.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 546.53 ล้านบาท
  • หุ้น KKP บวก 3.01% มาอยู่ที่ 42.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 71.46 ล้านบาท
  • หุ้น KTB บวก 2.54% มาอยู่ที่ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 81.45 ล้าบาท
  • หุ้น KBANK บวก 1.39% มาอยู่ที่ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,137.30 ล้านบาท
  • หุ้น TCAP บวก 1.67% มาอยู่ที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 17.34 ล้านบาท

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯมีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุมัติให้แบงก์จ่ายปันผลได้ หลังผล Stress Test ผ่าน โดยแบงก์ชาติไฟเขียวธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลได้ แต่ห้ามเกินอัตราจ่ายปี 2562 และไม่เกิน 50% ของกำไรปี 2563 หลังผล Stress Test มีเงินกองทุนแข็งแกร่งเพียงพอรับโควิดระบาด ฝ่ายวิจัยมองว่าสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของกลุ่มธนาคารมีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ โดยคาดว่าธนาคารจะมีการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 โดยนำปันผลระหว่างกาลที่ห้ามจ่ายมารวมด้วย

ขณะที่เมื่อพิจารณาถึง Dividend payout ratio ที่ห้ามจ่ายเกิน 50% พบว่ามี บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ที่คาดว่าปีนี้จะจ่ายมากกว่า 50% เพียงธนาคารเดียว โดยคาดไว้ที่ 67% ทำให้คาดการณ์เงินปันผล (DPS) ของ TISCO จะลงมาอยู่ที่ 3.70 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield ที่ 5% (อ้างอิงราคาปิดวันนี้) จากเดิมที่คาด 5 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield ที่ 7% แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่า TISCO จะสามารถเก็บเงินปันผลที่เหลือไปจ่ายในปีหน้าได้หาก ธปท. ไม่ได้เข้ามาบังคับอีก ขณะที่คาดว่าธนาคารที่จะมี Dividend yield เยอะที่สุดคือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ที่ 7%

ทั้งนี้ คาดว่า ราคาหุ้น TISCO จะตอบสนองเชิงลบต่อประเด็นข่าวนี้ในระยะสั้น ขณะที่จะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงสุดอย่าง KKP

โดยยังคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารเป็น “เท่ากับตลาด” ชอบ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) (ซื้อ/เป้า 110.00 บาท) เพราะเป็นธนาคารที่มีความเสี่ยงในการตั้งสำรองฯน้อยที่สุด และมี coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มที่ 171% ซึ่งเป็นระดับที่รองรับความเสี่ยงในอนาคตได้ดีที่สุด และ TISCO (ซื้อ/เป้า 80.00 บาท) เพราะมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นน้อยกว่ากลุ่มฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 63)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top