ตร.พร้อมรับมือทั้งบก-น้ำ-อากาศ เตือนเรือเป็ดอันตรายไม่เหมาะน้ำเชี่ยว

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการออกประกาศกำหนดระยะ 50 เมตร โดยรอบรัฐสภา เป็นพื้นที่ห้ามมีการชุมนุมเด็ดขาด และได้มีการปิดการจราจรใน 3 เส้นทางหลักแล้ว คือ แยกบางโพ แยกบางกระบือ และแยกเกียกกาย

“ทั้ง 3 แยกจะมีผู้ชุมนุมอยู่บริเวณดังกล่าว แต่ละแยกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยคัดกรองรถ ประชาชนที่อาศัยบริเวณดังกล่าว และผู้ปฎิบัติหน้าที่รัฐสภาจะอนุโลมให้เข้ามาตามช่องทางที่กำหนดไว้ได้ แต่ทั่วไปนั้นปิดการจรจาจรแล้ว”

สำหรับในช่วงบ่ายขอให้หลีกเลี่ยงถนนพระราม 5 และถนนสามเสน

พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวถึงการป้องกันทางน้ำนั้น ทางกรมเจ้าท่าจะเป็นหลักในการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนตำรวจและตำรวจน้ำ จะเป็นผู้ประกอบกำลัง และเมื่อได้มีการประกาศพื้นที่ 50 เมตรโดยรอบ ทำให้ท่าเทียบเรือทั้ง 2 ท่า ท่าเรือชิโนไทย ท่าเรือบุญรอด ท่าเรือเกียกกาย ไม่สามารถมาชุมนุมได้ ถ้ามีการชุมนุมถือว่าผิดกฎหมาย อีกทั้งได้มีการเตรียมเรือบางส่วน และเตรียมแผนอพยพนำผู้เข้าร่วมประชุมรัฐสภา 1000 กว่าคนออกจากรัฐสภาได้

นอกจากนี้ ยังได้ฝากเตือนกรณีผู้ชุมนุมจะนำเรือเป็ดมาใช้ลอยในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเข้าใกล้รัฐสภาว่า เรือเป็ดไม่สามารถนำมาใช้ในน้ำเชี่ยวได้อาจเกิดอุบัติเหตุถึงแก่เสียชีวิต โดยวันนี้ทางกรมเจ้าท่าได้แจ้งแม่น้ำเจ้าพระยาระดับน้ำขึ้นสูงและเชี่ยว ทำให้การลอยเรือเป็ดจะเกิดอันตราย ขอให้แกนนำคำนึงถึงชีวิตของผู้มาร่วมชุมนุมด้วย

“การชุมนุมไม่ได้สนุกอย่างเดียว หรือเป็นแฟชั่น ต้องคำนึงถึงชีวิตของผู้มาร่วมชุมนุมด้วย สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ได้เตือนด้วยความห่วงใย หากผู้จัดชุมนุมนำเรือสภาพไม่เหมาะใช้กับแม่น้ำย่อมอาจเกิดอันตรายได้ อาจมีความผิดตามกฎหมายได้”

สำหรับทางอากาศนั้นพล.ต.ต. กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมทุกสถานการณ์ทั้งทางบก น้ำ อากาศ

ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมต้องการปักหลักพักค้างคืนหน้ารัฐสภานั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า คงไม่สามารถให้ค้างคืนได้ เพราะเกรงว่าอาจมีมือที่ 3 หรือสิ่งอื่นแทรกซ้อนเข้ามาสร้างสถานการณ์ของทั้ง 2 กลุ่มที่มีความเห็นต่างกัน

“กลุ่มผู้ชุมนุมมี 2 ส่วน คือ กลุ่มที่แจ้งตามกฎหมายในส่วนนี้ขอไว้ถึงเที่ยงคืน ค้างคืนไม่ได้อยู่แล้ว ต้องแจ้งให้ยุติชุมนุม อีกส่วนที่ไม่ได้แจ้งจัดการชุมนุมสาธารณะตามกฎหมาย ถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ ต้องแจ้งขั้นตอนตามกฎหมายให้ทราบ และคงดูตามพฤติกรรมและลักษณะการกระทำ”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top