สธ.เผยผลตรวจโควิดชายไทยจ.กำแพงเพชร เป็นซากเชื้อ โอกาสแพร่น้อยมาก

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นชายไทยอายุ 49 ปี ขณะตรวจร่างกายเตรียมเดินทางกลับไปทำงานต่างประเทศว่า จากการสอบสวนโรคพบว่า กรณีนี้เป็นชายไทย อายุ 49 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้ (ส.ค.63) ผู้ป่วยทำงานอยู่ที่ประเทศอุซเบกิสถาน ในบริษัทที่ผู้ป่วยทำงานอยู่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นคนงานชาวต่างชาติ และกลางเดือน ส.ค.63 ได้เดินทางกลับมาไทย เข้ารับการกักตัวที่ State Quarantine ในกรุงเทพฯ ผลตรวจเป็นลบทั้ง 2 ครั้ง และเมื่อครบการกักตัวได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดกำแพงเพชร

จากนั้นผู้ป่วยจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศอีกครั้งจึงเดินทางมาจากจังหวัดกำแพงเพชรเพื่อตรวจสุขภาพก่อนการเดินทางไปต่างประเทศที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.63 ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.63 พบเชื้อ และได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยวิธี RT-PCR ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 6 จ.ชลบุรี ผลตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 ในปริมาณน้อย ส่วนผลการตรวจเลือดพบภูมิคุ้มกันในร่างกาย แสดงให้เห็นว่าเป็นการติดเชื้อรายเก่าที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งความสามารถในการแพร่เชื้อมีโอกาสน้อยมาก และคาดว่าผู้ป่วยอาจรับเชื้อมาจากต่างประเทศ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ (เพื่อนร่วมงานที่พูดคุยกัน 5 คน) ผลตรวจทั้ง 5 คนไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ (สคร.3 จ.นครสวรรค์) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ได้ส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมสอบสวนโรค ตรวจสอบรายละเอียดและค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้คำแนะนำการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนและมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องให้ครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่และประชาชนชาวไทยทุกคน อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด” จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยได้ หากพบผู้ติดเชื้อกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปดำเนินการทันที

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (3 ธ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top