บลจ.ไทยพาณิชย์ ออกกองทุนกระจายลงทุนหุ้นจีนด้วย AI ขาย IPO ช่วง 8-22 ธ.ค.

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นจีนว่าฟื้นตัวและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เต็มที่อย่างรวดเร็วหลังจากเผชิญกับวิกฤตรอบด้านในช่วงที่ผ่านมา จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning China All Share (SCBMLCA) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการกระจายการลงทุนในจีน โดยเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 8 – 22 ธันวาคม 2563 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

สำหรับกองทุนนี้มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่ออกโดยบริษัทสัญชาติจีน ส่งผลให้กองทุนมีการลงทุนสุทธิ (net exposure) ในตราสารทุนดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

โดยเบื้องต้นจะลงทุนใน 3 ตลาดสำคัญของประเทศจีน ได้แก่

  1. ตลาด A-share ตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น เน้นลงทุนในธุรกิจการบริโภคอุปโภคภายในประเทศ
  2. ตลาด H-share ตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนสถาบันและลงทุนระยะยาว เช่น Alibaba, Meituan และ Tencent เป็นต้น
  3. ตลาด ADR คือบริษัทที่ประกอบธุรกิจในจีน แต่จดทะเบียนซื้อขายในสหรัฐฯ โดยกองทุนจะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์และหยวน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

นอกจากนี้ กองทุนยังใช้เทคนิคทาง Machine Learning มาประกอบการคัดเลือกหลักทรัพย์ในการลงทุนผ่านระบบที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทจัดการ ทั้งยังสามารถสร้างศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในหลากหลายแง่มุม และสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับสถานการณ์รูปแบบต่าง ๆ และสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีขั้นตอนที่ชัดเจนนำไปสู่กระบวนการการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สามารถลดข้อผิดพลาดและอคติของมนุษย์ อีกทั้งมีศักยภาพขยายกรอบการลงทุนให้กว้างขึ้นได้ทั่วโลกในอนาคต

ทั้งนี้ กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Factor Investing โดยใช้ Machine Learning ในการเลือกปัจจัยที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้เหนือตลาด ด้วยการคัดเลือกหลักทรัพย์รายตัวจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณ พร้อมทั้งพิจารณาและรวบรวมข้อมูลมากกว่า 200 ปัจจัยย่อย โดยให้คะแนนตามลักษณะของหลักทรัพย์รายตัวในแต่ละปัจจัย และพิจารณาปัจจัยการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดด้วยการวิเคราะห์สภาพตลาด ปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยด้านเทคนิค เพื่อคาดการณ์ตลาดในอนาคต โดยทำการคัดเลือกและจัดสรรน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวตามคะแนนในแต่ละปัจจัยการลงทุน พร้อมทั้งทำ optimization เพื่อจัดสรรน้ำหนักการลงทุนให้ได้พอร์ตการลงทุนที่มีความสมดุลระหว่างผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงข้อจำกัดในการลงทุน

“ในช่วงที่ผ่านมาจีนได้ประสบกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งสงครามการค้าและ COVID-19 แต่ก็เป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวจาก COVID-19 ด้วยเช่นกัน ประกอบกับปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจีนมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เช่น ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีน การพัฒนาสู่การเป็นผู้ผลิตนวัตกรรมของโลก หรือเรื่องหยวนดิจิทัล ที่เป็นจุดเปลี่ยนทางการเงินระดับโลกซึ่งตอบโจทย์ธุรกรรมออนไลน์ที่มากที่สุดของจีน จากปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้จีนเป็นประเทศที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เติบโตอย่างเต็มที่ เราจึงเชื่อว่า ณ ขณะนี้ตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุนอีกประเทศหนึ่ง

ประกอบกับกองทุน SCBMLCA เสริมกลยุทธ์การลงทุนด้วย Machine Learning ที่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลเหนือกว่าขีดความสามารถของมนุษย์ จะช่วยให้การลงทุนในกองทุนนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top