เงินบาทเปิด 30.08 ต่อดอลล์ แนวโน้มทรงตัวในกรอบแคบ

รอติดตามสถานการณ์ Brexit-ผลประชุมเฟด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.08 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากปิดตลาดเย็นวันพุธที่ระดับ 30.08 บาท/ดอลลาร์

วันนี้คาดว่าเงินบาทจะยังทรงตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยช่วงนี้ตลาดยังติดตามสถานการณ์ Brexit ที่คาดว่าจะยังยืดเยื้อ และจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีผลที่จำกัดต่อค่าเงิน

“วันนี้บาทคงทรงๆ ตัว ตลาดรอผลประชุมเฟด ซึ่งน่าจะมีผลต่อค่าเงินในช่วงกลางถึงท้ายสัปดาห์ ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรมาก ยังมีผลที่จำกัดต่อค่าเงิน”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.05-30.15 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (9 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.00766% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.16150%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.00 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันพุธที่ระดับ 104.07 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.12130 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันพุธที่ระดับ 1.1225 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.023 บาท/ดอลลาร์
  • “4 แบงก์ใหญ่” เร่งบริหารจัดการหนี้ส่งท้ายปีหวังคุมหนี้เสียไม่ให้เพิ่มขึ้น “กรุงไทย” ชี้การขายหนี้เสียยังอยู่ในแผนแต่ขอดูภาวะตลาด หากราคาต่ำอาจไม่คุ้ม ขณะที่แบงก์กสิกรไทย-กรุงเทพ ยังเน้นบริหารเองเป็นหลัก ส่วนทีเอ็มบีตั้งเป้าคุมเอ็นพีแอล ปีนี้ไม่เกิน 3% ชะลอแผนขายหนี้หวั่นถูกกดราคา
  • กรมการค้าภายใน คาดปี 64 ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ปรับขึ้น เหตุไร้ปัจจัยกดดัน ทั้งราคาน้ำมันทรงตัว ค่าเงินบาทใกล้เคียงปี 63 และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่การแข่งขันของผู้ค้ารุนแรง
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญๆ ที่ต้องติดตามเพราะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือเศรษฐกิจโลกซึ่งตัวแปรหลักคือวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหากประสบความสำเร็จในการใช้กับคนและกระจายไปยังประเทศต่างๆ ได้มากขึ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกก็จะกลับมาเร็วและสะท้อนมายังเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ไทยต้องพึ่งพิงต่างชาติในการขับเคลื่อน
  • อดีตกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงค่าเงินบาทว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับ เงินบาท โดยเงินบาทในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพบว่า แข็งค่าขึ้นมาแล้วเกือบ 4% และมีแนวโน้มจะทดสอบระดับ 29.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ช่วงปลายปี เนื่องจากเงินทุนยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหนึ่งเดือน ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติอยู่ในสถานซื้อสุทธิ ในตลาดหุ้นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท และตลาดพันธบัตร เกือบ 2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งเดือน เงินทุนระยะสั้นไหลเข้าแล้วเกือบ 7 หมื่นล้านบาท
  • มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 81.4 ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 75.5 จากระดับ 76.9 ในเดือนพ.ย.
  • วุฒิสภาสหรัฐได้อนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะต่ออายุงบประมาณชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐออกไปอีก 1 สัปดาห์เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล และเพื่อให้รัฐบาลมีเวลามากขึ้นสำหรับการเจรจาต่อรองเรื่องมาตรการเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19
  • โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังสหรัฐ และหน่วยงานหนึ่งในสังกัดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างชาติ ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นฝีมือแฮกเกอร์ชาวรัสเซีย
  • ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ลงนามอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทคให้กับชาวอเมริกันอย่างเป็นทางการ
  • วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชุดแรก จะถูกจัดส่งถึงรัฐต่างๆ ของสหรัฐ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ เดือนพ.ย.จาก Conference Board เป็นต้น
  • ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และ BOE การเจรจาข้อตกลง Brexit ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซนและอังกฤษเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top