BGRIM สรุปลงทุนโรงไฟฟ้าในเกาหลี-มาเลย์-เวียดนาม-ไทยกว่า 800 MW ต้นปี 64

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส-การเงินและบัญชี บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 68 จำนวน 7,200 เมกะวัตต์ (MW) จากในปีนี้ ที่มีกำลังการผลิต 3,058 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ กำลังการผลิตใหม่จะมาจาก 4 ประเทศหลัก ได้แก่ เกาหลีใต้ เป็นโครงการพลังงานลม ทั้งออนชอร์และออฟชอร์ 2-3 โครงการ ขนาดรวม 130-160 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเจรจาและคืบหน้าอย่างมาก คาดว่าต้นปี 64 น่าจะได้ข้อสรุป ส่วนในมาเลเซีย เป็นรูปแบบควบรวมกิจการ M&A ขนาด 220-250 เมกะวัตต์ คาดว่าจะการเจรจากับพันธมิตรจะมีความคืบหน้าต้นปี 64

ขณะที่โครงการในเวียดนามจะเป็นพลังงานลมที่รัฐบาลเวียดนามเปิดรับซื้อไฟพลังงานทดแทนเป็นรอบที่ 2 โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการที่มีขนาดการผลิต 100-200 เมกะวัตต์ จำนวน 2-3 โครงการ คาดต้นปี 64 ที่มีความชัดเจนเช่นกัน และน่าจะพัฒนาแล้วเสร็จในปลายปี 64

นายนพเดช กล่าวว่า เวียดนามเป็นประเทศที่บริษัทเน้นการลงทุน โดยเฉพาะพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) เพราะเห็นโอกาสการเติบโตอีกมากตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และยังมีโรงไฟฟ้าก๊าซ IPP อีก 2-3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตราว 2,000 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าโครงการใดมีความเป็นไปได้ในการลงทุน

ด้านโครงการในประเทศไทย บริษัทมองว่ายังมีโอกาสอีกมากทั้งการซื้อกิจการ (M&A) และการลงทุนในโรงไฟฟ้า SPP โดยโครงการที่จะร่วมพัฒนาในรูปแบบ M&A คาดว่าจะมีขนาดกำลังการผลิต 300-360 เมกะวัตต์

“โครงการในเวียดนาม เกาหลีใต้ มาเลเซีย มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ของเวียดนามเฟสแรกเป็นพลังงานลมคาดการณ์ว่าถ้าสามารถบรรลุข้อตกลงได้ ก็จะประกาศได้ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนมาเลเซียเราสามารถเคลียร์ปัญหาด้านกฎหมายไปได้ ก็คิดว่าสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนเกาหลีใต้ เรารอตัวไลเซ่นส์สุดท้ายอยู่ และหากหน่วยงานรัฐรับรองซึ่งที่ผ่านมามีการล็อกดาวน์จากผลกระทบจากโควิด ก็จะมาดูตัวสัญญาและจะสามารถประกาศได้เช่นกัน”

นายนพเดช กล่าวว่า ในส่วนการลงทุนในไต้หวัน หลังจากการที่ได้มีการศึกษาเบื้องต้นผลตอบแทนไม่เข้าเกณฑ์อัตราผลตอบแทนค่อนข้างต่ำกว่าที่ตั้งไว้ แต่ก็ยังพิจารณาโอกาสอื่นๆ ในไต้หวัน รวมถึงประเทศอื่น เพราะเรามองว่าการเติบโตของบริษัทยังมีอีกมาก

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซ LNG ที่เวียดนาม ตอนนี้มี 2-3 โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ อย่างไรก็ดีขึ้นอยู่กับการเจรจากับหน่วยงานรัฐ รวมถึงการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ซึ่งก็ต้องพิจารณาร่วมพันธมิตรทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนอย่างรอบคอบ คาดว่ากลางปี 64 น่าจะมีความชัดเจน

นอกจากนี้บริษัทยังได้ศึกษาการทำธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (โซลาร์รูฟ) ที่จะต้องมีต้นทุนที่แข่งขันได้ รวมทั้งพิจารณาโอกาสธุรกิจที่บริษัทจะขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าก๊าซ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top