หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มผันผวน-อิงลง หลังกังวลโควิดระบาด/จับตาผลประชุมศบค.

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวน อิงลง หลังยังไม่มีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลงไป พร้อมให้จับตาผลประชุมศบค.วันนี้จะมีมาตรการอะไรออกมาบ้างเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวกเล็กน้อย อย่างไรก็ดีเชื่อ Fund Flow ยังไหลเข้า แค่ชะลอช่วงใกล้หยุดยาวตามเทศกาล พร้อมให้แนวรับ 1,400 แนวต้าน 1,450 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน อิงทางลง หลังจากที่ยังไม่มีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลงไป และยังต้องรอดูผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้างเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย โดยยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่า Fund Flow ยังคงไหลเข้ามา แม้ว่าจะชะลอไปบ้างในช่วงใกล้วันหยุดระยะยาวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

พร้อมให้แนวรับ 1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,129.83 จุด เพิ่มขึ้น 114.32 จุด (+0.38%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,690.01 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด (+0.07%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,771.11 จุด ลดลง 36.81 จุด (-0.29%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 110.32 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 0.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 33.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.58 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ธ.ค.63) 1,416.02 จุด ลดลง 8.37 จุด (-0.59%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 679.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ธ.ค.63) ปิดที่ 48.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ธ.ค.63) อยู่ที่ 1.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.22 แนวโน้มอ่อนค่า ตลาดจับตาผลประชุมศบค.วันนี้ออกมาตรการสกัดโควิด
  • ศบค.เคาะมาตรการคุมโควิดวันนี้ “นายกฯ” เผยเล็งจัดโซนแบ่งสีแยกความเสี่ยงสูงต่ำ ขอประชาชนเสียสละยันไม่ล็อกทั้งประเทศ สั่ง “มหาดไทย-แรงงาน” พิจารณาขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวชั่วคราว แก้ปัญหานายจ้างลอยแพ พบติดเชื้อรายใหม่ 8 รายไม่เชื่อมโยงตลาดกลางกุ้ง ถอดรหัสสารพันธุกรรมสายพันธุ์เดียวท่าขี้เหล็ก เผย 4 จุดสมุทรสาครแหล่งกระจายเชื้อ
  • พาณิชย์ คาดปีหน้าส่งออกโต 4% ด้าน “ศุภชัย” เตือนโควิดลากยาว แนะตั้งรับซัพพลายโลกสั้นลง
  • ส่งออก พ.ย.63 ฟื้นต่อเนื่อง ลดลง 3.65% หดตัวต่ำสุดในรอบปี หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม และมีข่าวดีวัคซีนโควิด-19 ส่วนอาหาร สินค้าทำงานที่บ้านและสินค้าป้องกันติดเชื้อยังเติบโตได้ดี ทำยอดรวม 11 เดือนลบ 6.92% มั่นใจทั้งปีต่ำกว่าที่คาดลบ 7% คาดปี 64 บวก 4% ได้แรงหนุนเศรษฐกิจ การค้าโลกฟื้น มีวัคซีน น้ำมันปรับตัวดีขึ้น
  • กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ระบุสถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบันยังสามารถควบคุมได้ จากมาตรการที่เตรียมไว้ ล่วงหน้ายังรองรับสถานการณ์ได้ 1-2 เดือน พร้อมประเมินเศรษฐกิจปีนี้หดตัว 6.6% น้อยกว่าคาด และปี 64 ขยายตัว 3.2% ปี 65 ขยายตัว 4.8 %
  • ธปท.ปรับเกณฑ์ ซอฟท์โลนเปิดทางธุรกิจสามารถกู้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง จากเดิมกำหนดครั้งเดียว แต่วงเงินสินเชื่อรวมต้องไม่เกิน 20% ของยอดหนี้คงค้างปี 62 พร้อมปรับปรุง “นิยาม” ของกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเป็นฐานในการใช้พิจารณาคุณสมบัติของธุรกิจเอื้อธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น มีผล 1 ม.ค.64

หุ้นเด่นวันนี้

  • KEX (บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย)) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ โดยมีราคาขาย IPO ที่ 28 บาท/หุ้น บริษัทดำเนินธุรกิจด้านการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยแบบครบวงจรและครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภทผ่านเครือข่ายทั่วประเทศของบริษัท โดยมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าในทุกรูปแบบ ได้แก่ การจัดส่งพัสดุแบบบุคคล-ส่งถึง-บุคคล (C2C) การจัดส่งพัสดุแบบธุรกิจ-ส่งถึง-บุคคล (B2C) และการจัดส่งพัสดุแบบธุรกิจ-ส่งถึง-ธุรกิจ (B2B) โดยในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีการจัดส่งพัสดุเป็นจำนวนเฉลี่ยทั้งสิ้นกว่า 1,200,000 ชิ้นต่อวันทำการ และยังเป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุที่มีการให้บริการเก็บเงินปลายทางรายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
  • IVL (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 37 บาท คาดกำไรฟื้นตัวดีในปีหน้าตามแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจโลกที่กลับมาฟื้นตัวหนุนราคาผลิตภัณฑ์และ Spread เพิ่มขึ้น
  • JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 10 บาท แนวโน้มกำไร Q4/63 ยังฟื้นตัวแกร่งตัวเนื่องทั้งธุรกิจในไทยและต่างประเทศตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหนุนความต้องการเช่าคลังสินค้า ห้องเย็น รวมถึง Barge Terminal ที่มีปริมาณขนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมคาดผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด โดยคาดกำไรปี 2563 -19% Y-Y แต่มี Upside จากเป้ารายได้ของผู้บริหารที่คาดโต 8-10% สูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ปี 2564 คาดกลับมาฟื้นตัวโดดเด่น +21% Y-Y
  • TQM (ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ) “ซื้อ”เป้า 137 บาท ให้เป็นหุ้นพื้นฐาน Top pick วันนี้ ระยะสั้นได้ประโยชน์จากการระบาดโควิดระลอกใหม่ ทำให้ยอดขายประกันพุ่งขึ้นเรงกว่า 1 พันรายในชั่วข้ามคืน โดยชอบ TQM ที่มีแผนกลยุทธ์เรื่องการเติบโตชัดเจน การใช้ Digital platform ในการทำธุรกิจทำให้การเข้าถึงลูกค้าและความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการก็ช่วยหนุนการเติบโตด้วย โดยคาดกำไรสุทธิปี 63-64 จะเติบโตสูง +33% และ +30% ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top