สธ.เผยพบคนไทยติดโควิด-19 เพิ่ม 11 ราย หลังร่วมปาร์ตี้กับชาวฮ่องกง

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 11 ราย รักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 62 ปี ส่งผลให้ยอดสะสมรวมเพิ่มขึ้นเป็น 70 ราย รักษาหายและเดินทางกลับบ้านแล้ว 35 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 34 ราย และเสียชีวิต 1 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 รายที่สถาบันบำราศนราดูรยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. (เครดิตภาพ :thaigov.go.th)

“วันนี้พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นกลุ่มก้อน 11 ราย ทั้งหมดเป็นคนไทยอายุ 25-38 ปี เป็นการค้นพบจากการขยายการคัดกรองการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน ถือเป็นผลงานของกรมควบคุมโรคที่เพิ่มขอบเขตการคัดกรองไปยังกลุ่มผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ”

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.กล่าว

สธ.ได้รับรายงานผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.ว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ได้พบปะกลุ่มเพื่อนชาวฮ่องกงที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย หลังจากนั้น 4 วัน (25 ก.พ.63) เริ่มป่วยด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ และขณะที่มีอาการป่วยอยู่นั้นได้นัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทอีก 2 ครั้ง (27 และ 29 ก.พ.63) โดยมีพฤติกรรมดื่มสุราแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 4 มี.ค.63 ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 คนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

ในที่สุดตรวจพบการติดเชื้อ 11 คนจากทั้งหมด 15 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ช่วงอายุ 25-38 ปี ในจำนวนนี้มี 4 คนที่ไม่ป่วยและไม่ติดเชื้อเพราะไม่ได้ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ร่วมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์เบื้องต้น 70 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อ จึงไม่พบหลักฐานว่าเกิด super spreading เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่วมวงสังสรรค์ ยังไม่ออกนอกกลุ่ม

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศไทยยังอยู่ในระยะ 2 เนื่องจากการแพร่เชื้อครั้งนี้ยังคงอยู่ในวงจำกัด พบเป็นกลุ่มก้อน ไม่ใช่ super spreading”

นพ.สุขุม กล่าว

ปลัด สธ.กล่าวว่า กรณีการป่วยเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญของคนไทยหลายประการ คือ

  1. หากป่วยแล้วไม่กักตัว ส่งผลกระทบคนใกล้ชิดและครอบครัวติดเชื้อ
  2. ในสถานการณ์โรคระบาด มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ล้างมือ ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญมาก
  3. เมื่อเจ็บป่วยต้องพักอยู่กับบ้าน ลดความเสี่ยงของผู้อื่นและสังคม เราจะป้องกันและชะลอการเข้าสู่ระยะที่ 3 ได้

“หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ความปลอดภัยและสุขภาพคือสิ่งสำคัญอันดับแรก หากพบอาการป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่จำนวนหลายคนในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพบแพทย์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422”

นพ.สุขุม กล่าว

สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังสะสมนับตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-11 มี.ค.63 ทั้งหมด 5,232 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 219 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 5,013 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 3,865 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,367 ราย

ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกใน 121 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ นับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-12 มี.ค.63 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมจำนวน 121,996 ราย เสียชีวิต 4,390 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วยสะสม 80,790 ราย เสียชีวิต 3,158 ราย

ปลัด สธ.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ปรับเพิ่มมาตรการคัดกรองเข้มข้นมากขึ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด เช่น การขยายขอบเขตการตรวจอาการของผู้ป่วยไข้หวัด ผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมทั้งเพิ่มการสต๊อกหน้ากากอนามัยให้เพียงพอสำหรับการใช้งานนาน 1 เดือน, การจ่ายเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับบุคลากร, การทำประกันภัยให้กับบุคลากร

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการดูแลผู้ที่เดินทางจาก 4 ประเทศที่เป็นเขตติดโรคจะมีการคัดกรองทุกคน หากพบอาการบ่งชี้ก็จะนำตัวส่งไปตามโรงพยาลที่จัดไว้แล้วตรวจอีกครั้ง ถ้าไม่ติดเชื้อโควิด-19 จะให้การรักษาไปตามอาการ และกักตัวในพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับต่างชาติ แต่หากเป็นคนไทยจะส่งตัวกลับไปกักตัวตามภูมิลำเนา

สำหรับการแพร่ระบาดในระยะที่ 3 นั้น อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายว่า จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถสอบประวัติได้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อมาจากใคร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในสังคม เช่น หากมีอาการป่วยแล้วยังไม่เก็บตัวอยู่บ้าน ดังนั้น สธ.พยายามที่จะดูแลให้สถานการณ์อยู่ในระยะที่ 2 ให้นานที่สุดเพื่อจัดเตรียมความพร้อม เช่น เวชภัณฑ์ การให้ความรู้กับประชาชน

ส่วนกรณีก่อนหน้านี้ที่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อน้อยลดลงนั้นน่าจะมีความสัมพันธ์กับการประกาศปิดประเทศของจีน ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาลดลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top