รัฐบาลย้ำโควิด-19 ในไทยยังไม่เข้าระยะ 3 ยกระดับป้องกันลดโอกาสแพร่เชื้อ

จ่อปิดสถานศึกษา สนามมวย สนามกีฬาชั่วคราว

ภาพ: thaigov.go.th

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เห็นตรงกันว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 และยังไม่เข้าสู่ระยะที่ 3

แต่ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมรับมือ และไม่ประมาทในการที่จะเข้าสู่การแพร่ระบาดในระยะที่ 3 ที่ขณะนี้ยังไม่ปรากฎว่าจะมาถึงเมื่อใด

ทั้งนี้ การยกระดับการป้องกันเพิ่มสูงขึ้นด้วยการให้ปิดหรือหยุดสถานที่แหล่งชุมนุมของคนจำนวนมาก โดยจะยึดเกณฑ์ 2 ข้อ คือ

1.เป็นสถานที่ที่มีคนมาชุมนุมกันจำนวนมากแบบเป็นกิจวัตร มีกิจกรรมให้คนจำนวนมากทำร่วมกัน จะเสนอที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อสั่งให้หยุดหรือปิดสถานที่ดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อน เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.เป็นต้นไป ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียนรัฐบาลและเอกชน โรงเรียนนานาชาติ และสถาบันกวดวิชา เป็นต้น

2.สถานที่ที่ไม่ใช่ประเภทแรก แต่มีคนมาชุมนุมกันคราวละมากๆ มีการเชียร์ ส่งเสียงตะโกน มีโอกาสจะสัมผัสหรือแพร่เชื้อได้ จะขอให้หยุดหรือปิดบริการชั่วคราว เช่น สนามมวย สนามกีฬา และอาจจะให้ครอบคลุมถึงโรงภาพยนตร์ ส่วนสถานที่อื่นที่ไม่เข้าเกณฑ์นี้ จะให้เปิดบริการได้ตามปกติ แต่เจ้าของสถานที่จะต้องมีมาตรการป้องกันรองรับ เช่น จัดให้มีการตรวจวัดไข้หน้าทางเข้า, ใส่ mask ป้องกัน และเตรียมเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ

นอกจากนั้น ยังสั่งการให้เตรียมความพร้อมใน 6 ด้าน ประกอบด้วย

1.ด้านสาธารณสุข รมว.สาธารณสุขได้รายงานการเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลต่างๆ ไว้แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมทั้ง รพ.รัฐ รพ.เอกชน รพ.ในสังกัดกทม. รพ.สังกัดมหาวิทยาลัย รพ.ทหาร และ รพ.ตำรวจ รวมทั้งการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ จิตอาสา อสม.ด้านการแพทย์ และการจัดเตรียมยาและเวชภัณฑ์ ให้มีอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันได้อนุมัติค่าตอบแทนพิเศษให้แก่บุคลากรทางการแพทย์เป็นกรณีพิเศษด้วย

2.ด้านเวชภัณฑ์ รมว.พาณิชย์แจ้งว่าได้รับรายงานจากผู้ผลิตหน้ากากอนามัยว่าสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็น 2 ล้านชิ้น/วัน ขณะที่บางประเทศพร้อมจะให้ความช่วยเหลือในการจัดส่งหน้ากากอนามัยให้แก่ไทย ส่วนการผลิตเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบ เพื่อให้สามารถผลิตเจลแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบได้มากขึ้น

3.ด้านข้อมูลข่าวสาร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่ามีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาปรึกษา ร้องเรียนที่ศูนย์ฯ ประมาณวันละ 1 พันราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับไปดำเนินการแก้ไขได้ราว 98%

4.ด้านต่างประเทศ รมว.ต่างประเทศได้แจ้งว่า มีหลายประเทศจะให้ความช่วยเหลือไทยทั้งในเรื่องของยาและเวชภัณฑ์ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE)

5.มาตรการป้องกันสำหรับการเตรียมรับมือ แม้ขณะนี้ไทยยังไม่เข้าสู่การแพร่ระบาดในระยะที่ 3 แต่ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดของผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติ หรือคนไทยเองก็ตาม ซึ่งได้มีการประกาศประเทศที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายไปแล้วใน 4 ประเทศ คือ จีน เกาหลี อิตาลี อิหร่าน และ 2 เขตปกครองพิเศษ คือ ฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งมีมาตรการเข้มงวดในการเดินทางเข้ามาประเทศไทย ส่วนจะมีประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่นั้นจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน

6.มาตรการลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดจากการเคลื่อนย้ายคนในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) งดวันหยุดช่วงสงกรานต์ในระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.63 โดยไม่ให้เป็นวันหยุดราชการหรือวันหยุดของเอกชน แต่จะไปชดเชยวันหยุดในช่วงอื่นให้ทดแทนเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้บรรเทาเบาบางลงแล้ว

“ทางแพทย์และกระทรวงสาธารณสุข เกรงว่าการเคลื่อนย้ายคนจะเป็นการเสี่ยงติดโรคจากคนหนึ่งไปสู่คนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เป็นการไปแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด ขณะเดียวกันอาจมีการติดเชื้อจากต่างจังหวัดกลับเข้ามาสู่กรุงเทพฯ ได้ ไม่ว่าจะมาจากการโดยสารรถที่มีความแออันในช่วงเทศกาล การสังสรรค์ มีโอกาสเสี่ยงจะแพร่เชื้อได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันลดความเสี่ยงในส่วนนี้”

นายวิษณุระบุ

นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้ให้ไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดมาตรการเหลื่อมเวลาการทำงาน การเดินทาง และการพักกลางวัน ซึ่งจะสามารถลดความแออัดในการใช้รถโดยสารสาธารณะในช่วงเวลาเดียวกัน รวมถึงการเข้าร้านอาหารในช่วงเวลาเดียวกันได้ รวมทั้งการพิจารณาให้ข้าราชการทุกกระทรวงสามารถทำงานที่บ้านได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ที่จะมีการกำหนดออกมา ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายหลังการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้

สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ต้องมีการจัดประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในเดือนเม.ย.นั้น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หารือร่วมกันแล้วเห็นควรให้เลื่อนเวลาการจัดประชุมผู้ถือหุ้นออกไปจากเดือนเม.ย.ได้ แต่ทั้งนี้ หากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องจัดประชุมภายในเดือนดังกล่าว ก็อาจเป็นการจัดประชุมในรูปแบบของวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ได้ และถือว่าเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นที่มีผลในทางกฎหมายเช่นกันตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

“สถานการณ์ขณะนี้ การป้องกันและการดูแลรักษาโควิดมีความสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ผลกระทบด้านการท่องเที่ยว การค้าการขาย อุตสาหกรรม นำเข้า ส่งออก ก็มีความสำคัญ แต่อยู่ลำดับที่สอง ตอนนี้ต้องเอาชีวิตประชาชนรอดไว้ก่อน เรายังไม่รู้ว่าในข้างหน้าศึกนี้จะหนักขนาดไหน เมื่อศึกนี้บรรเทาเบาบางลง การจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การผลิต อุตสาหกรรม หรือธุรรมต่างๆ ยังสามารถฟื้นฟูได้ในเวลาต่อมา สามารถมีมาตรการอัดฉัดได้ เร่งรัด ช่วยเหลือ เยียวยาได้ เพียงแต่ตอนนี้ต้องเอาเรื่องปัญหาโควิดมาเป็นอันดับแรก และเป็นลำดับความสำคัญเร่งด่วนของประเทศในขณะนี้”

รองนายกรัฐมนตรีระบุ

นายวิษณุ ยืนยันว่า ยังไม่มีการปิดประเทศหรือปิดเมืองแต่อย่างใด แต่จะเข้มงวดการเข้าประเทศ โดยเฉพาะใน 4 ประเทศกลุ่มเสี่ยง และนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำใช้มาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวดทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ

นายวิษณุ ยืนยันว่า ผับ บาร์ สถานบันเทิง ไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์ให้มีการหยุดกิจการหรือระงับปิดสถานที่ เนื่องจากผับไม่ได้มาเป็นกิจวัตร และเกรงว่าจะกระทบกับหลายอาชีพ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนายทุน แต่กรณีโรงเรียน เพราะนักเรียนต้องมาทุกวัน และเด็กนักเรียนไม่มีการป้องกันตัวเอง ความเสี่ยงจึงมี ส่วนที่ใช้เวลาประชุมถึง 5 ชั่วโมงครึ่งเพราะใช้เวลาหารือเรื่องการปิดโรงเรียน ผับ สถานบันเทิง และเรื่องการยกเลิกการหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์

ส่วน ครม.ยังยืนยันว่า ยังมีการประชุมตามปกติ ไม่จำเป็นต้องมีการประชุมในระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ แม้จะมีรัฐมนตรีเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง และข้าราชการทำเนียบก็สามารถทำงานที่บ้านได้ เพียงแต่ให้หน่วยงานต้นสังกัดเสนอมา

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ของประเทศไทยยังไม่มีความจำเป็นจะต้องกักตุนอาหารและของใช้ต่างๆ โดยขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตัวตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ คือ เลี่ยงการเดินทางไปในที่ชุมชน หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปก็ขอให้ใส่ mask, ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ เป็นต้น

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ในขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีการเตรียมความพร้อมทางแพทย์ ทั้งเรื่องการเตรียมแพทย์ 3 หมื่นคน เตียงผู้ป่วย 1 แสนเตียง และมีโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลชุมชนรองรับ

ทั้งนี้ มาตการต่างๆที่ออกมา ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมผู้ทรงวุฒิทุกมิติ ทั้งด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจของประเทศ แต่สิ่งสำคัญไม่ต้องการเห็นผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ต้องลดการแพร่เชื้อให้มากที่สุด ลดความสูญเสียให้มากที่สุด ทำตามมาตรการที่เหมาะสมตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา

ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากกรณีคนไทย 132 คนไปร่วมงานทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซียนั้น พบว่ามีคนไทย 2 คนติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทั้ง 2 คนอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และไม่พบการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top