กลาโหม-สธ.ร่วมประชุมซักซ้อมแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์โควิด-19

พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมกับ 19 หน่วยแพทย์ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ประกอบ ด้วยกรมแพทย์ทหารบก กรมแพทย์ทหารเรือ กรมแพทย์ทหารอากาศ และกระทรวงสาธารณสุข

เพื่อทบทวนความพร้อม รองรับการแพร่ระบาด ทดสอบการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ในภาวะวิกฤตทุกกรณี โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมหากที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 เพิ่มมากขึ้น รองรับการส่งต่อผู้ป่วยได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายในระยะไกล ทั้งนี้จะสรุปเป็นแผนบูรณาการรายงานรัฐบาลต่อไป

นายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าการฝึกร่วมกับกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์หากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นในระดับที่สูงกว่าปัจจุบัน ตั้งแต่ 1,000 คนไปจนถึง 5,000 คน โดยมีแผนรองรับเป็นขั้นตอน

โดยการฝึกซ้อมครั้งนี้ยังถือเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน เพื่อประสานงานในการรองรับผู้ติดเชื้อ หากมีจำนวนสูงขึ้นโดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก โดยจะต้องสื่อสารและส่งต่อผู้ป่วยให้ได้ภายใน 3 ชั่วโมง เพราะที่ผ่านมายอมรับว่า ไม่สามารถสั่งการโรงพยาบาลเอกชนได้ จึงต้องใช้กลไกของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในการประสานงาน

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ยังมีความสามารถรองรับผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งจำนวนเตียงและห้องพัก พร้อมย้ำว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยอาการหนักในสถานการณ์จริงที่ต้องแยกอยู่ในห้องที่มีความดันเป็นลบอยู่จำนวน 3 คน แต่ตามหลักการจะต้องจัดเตรียมห้อง รองรับผู้ป่วยอาการหนักในลักษณะนี้ให้ได้ 5% ผู้ป่วยอาการปานกลาง 15% และผู้ป่วยทั่วไปซึ่งอาการไม่หนักมากจะต้องรองรับให้ได้ 80%

ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ย้ำถึงความพร้อมของหน่วยแพทย์สังกัดกระทรวงกลาโหมว่า หลังจากนี้โรงพยาบาลทหารจะปรับให้มีขีดความสามารถเพื่อให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะโรค รองรับสถานการณ์โควิด-19 และหากมีผู้ป่วยจำนวนเพิ่มขึ้นก็ได้เตรียมสถานที่เพื่อปรับเป็นโรงพยาบาลสนาม เบื้องต้นจะใช้พื้นที่ค่ายทหาร เช่น มณฑลทหารบกต่างๆ รวมถึงหน่วยทหารในกรุงเทพฯ และสนามบิน ก็สามารถปรับเป็นโรงพยาบาลสนามได้

พร้อมทั้งขอให้เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาล ภายใต้การขับเคลื่อนของกระทรวงสาธารณสุข และขอให้ประชาชน ปฏิบัติตามข้อกำหนดรวมไปถึงข้อบังคับต่างๆ รับผิดชอบตัวเองและสังคม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top